วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

24 กุมภาพันธ์ วันศิลปินแห่งชาติ

24 กุมภาพันธ์ วันศิลปินแห่งชาติ




ศิลปินแห่งชาติ 2558

          วันศิลปินแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 24 กุมภาพันธ์ของทุกปี เหตุใดจึงถูกกำหนดขึ้นในวันนี้ อ่านประวัติความเป็นมาวันศิลปินแห่งชาติกันเลย

          ศิลปะชั้นเลิศ มักถูกถ่ายทอดจากความรู้สึกนึกคิด และความสามารถของผู้ที่เป็น "ศิลปินชั้นเอก" ซึ่งในปัจจุบันมีศิลปินสาขาต่าง ๆ มากมาย ที่สร้างผลงานน่าประทับใจ และเป็นประโยชน์ต่อสังคม ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจึงกำหนดให้มี วันศิลปินแห่งชาติ และจัดให้มีการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติ "ศิลปินแห่งชาติ" เป็นประจำทุกปี
         ประวัติความเป็นมา วันศิลปินแห่งชาติ

          วันศิลปินแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 24 กุมภาพันธ์ของทุกปี เนื่องจากตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี ผู้ทรงเป็นพระปฐมบรมศิลปินแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ด้วยทรงพระปรีชาสามารถในศิลปกรรมด้านต่าง ๆ หลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นด้านกวีนิพนธ์ ด้านประติมากรรม และด้านดนตรี ดังนั้น เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ประกาศให้ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันศิลปินแห่งชาติ
          ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้จัดทำโครงการศิลปินแห่งชาติ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 เพื่อสรรหา ส่งเสริม สนับสนุน และช่วยเหลือศิลปินผู้สร้างสรรค์ ผลงาน ศิลปะล้ำค่า อันทรงคุณค่าของแผ่นดิน ยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ โดยมีสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติเป็นผู้พิจารณา 
         ความสำคัญของศิลปินแห่งชาติ

          ศิลปินแห่งชาติ นับเป็นทรัพยากรบุคคลสำคัญทางด้านศิลปะ ที่ได้สืบสานงานศิลปะของชาติให้เชื่อมโยงจากอดีตมาสู่ปัจจุบัน เป็นการถ่ายทอดภูมิปัญญาของบรรพบุรุษในอดีต ให้มีความรุ่งโรจน์สืบไปยังอนาคตข้างหน้า ซึ่งนับตั้งแต่เริ่มโครงการ ศิลปินแห่งชาติ มาเมื่อปี พ.ศ. 2527  และประกาศผลการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติในปีแรกเมื่อ พ.ศ. 2528 จนถึงปัจจุบัน มีศิลปินสาขาต่าง ๆ มาแล้วหลายคน 

          สำหรับผู้ที่ได้รับยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ จะได้รับเงินตอบแทน เดือนละ 20,000 บาท  และสามารถเบิกเงินสวัสดิการเพื่อการรักษาพยาบาลได้ตามระเบียบราชการ ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี รวมทั้งมีค่าช่วยเหลือเมื่อประสบสาธารณภัย และหากเสียชีวิต จะมีค่าช่วยเหลืองานศพ 20,000 บาท ค่าจัดทำหนังสือที่ระลึกไม่เกิน 150,000 บาท
         คุณสมบัติของศิลปินแห่งชาติ มีดังนี้

          1. เป็นผู้มีสัญชาติไทยและยังมีชีวิตอยู่ในวันตัดสิน

          2. เป็นผู้ที่มีความสามารถ มีความเชี่ยวชาญ และมีผลงานดีเด่น เป็นที่ยอมรับของวงการศิลปินแขนงนั้น

          3. เป็นผู้สร้างสรรค์และพัฒนาศิลปะแขนงนั้นจนถึงปัจจุบัน

          4. เป็นผู้ผดุงและถ่ายทอดศิลปะแขนงนั้น

          5. เป็นผู้ปฏิบัติงานศิลปะแขนงนั้นอยู่ในปัจจุบัน

          6. เป็นผู้มีคุณธรรมและมีความรักในวิชาชีพของตน

          7. เป็นผู้มีผลงานที่ยังประโยชน์ต่อสังคมและมนุษยชาติ

         การจำแนกสาขาศิลปะของศิลปินแห่งชาติ

          1. สาขาทัศนศิลป์ (Visual Art) หมายถึง ศิลปะที่มองเห็นได้ด้วยตา จะเป็นศิลปะสองมิติหรือสามมิติ ซึ่งได้แก่ ผลงานศิลปกรรมประเภทต่าง ๆ ที่แสดงถึงภูมิปัญญาของผู้สร้างสรรค์และมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ดังต่อไปนี้

                - จิตรกรรม หมายถึง ภาพเขียนสีและภาพลายเส้น

                - ประติมากรรม หมายถึง งานปั้นและแกะสลัก

                - ภาพพิมพ์ หมายถึง ศิลปะการพิมพ์ด้วยกรรมวิธีต่าง ๆ เช่น การพิมพ์ด้วยแม่พิมพ์ไม้ โลหะ ฯลฯ

                - ภาพถ่าย หมายถึง ผลงานศิลปะภาพถ่ายที่เสนอด้วยสื่อและกรรมวิธีต่าง ๆ

                - สื่อประสม หมายถึง ผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยกรรมวิธีและเทคนิคต่าง ๆ อย่างอิสระ

          2. สาขาศิลปะสถาปัตยกรรม (Architecture) หมายถึง งานออกแบบ หรืองานออกแบบและงานก่อสร้างอาคารสวยงาม มีคุณค่าทางศิลปะ และมีวิทยาการ ซึ่งแสดงภูมิปัญญาของผู้ออกแบบอย่างโดดเด่น ได้แก่ สถาปัตยกรรมไทยและสถาปัตยกรรมร่วมสมัย

          3. สาขาวรรณศิลป์ (Literature) หมายถึง บทประพันธ์ที่ปลุกมโนคติของผู้อ่าน ทำให้เกิดจินตนาการความเพลิดเพลิน และเกิดอารมณ์ต่าง ๆ ตามเจตนารมณ์ของผู้ประพันธ์ ได้แก่ กวีนิพนธ์ เรื่องสั้น นวนิยาย บันเทิงคดี สำหรับเด็กและเยาวชน อาทิ หนังสือเด็ก วรรณกรรมเยาวชนที่ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่อย่างกว้างขวาง

          4. สาขาศิลปะการแสดง (Performing Art) หมายถึง ศิลปะที่เกี่ยวข้องกับการแสดง ซึ่งเป็นได้ทั้งแบบดั้งเดิมหรือพัฒนาขึ้นใหม่ ได้แก่

                4.1 การละคร ประกอบด้วย ละครรำ เช่น โนห์รา ชาตรี ฯลฯ ละครร้อง โขน ลิเก ระบำ (ประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่) รำ (ประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่) ฟ้อน (ประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่) เซิ้ง (ประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่) หุ่น เช่น หุ่นละครเล็ก หุ่นกระบอก หนังใหญ่ หนังตะลุง การเขียนบทร้องหรือบทละครรำ (เพื่อการแสดง)

                4.2 การดนตรี แบ่งออกเป็นดนตรีไทย และดนตรีสากล

                     - นักดนตรี ต้องเป็นนักดนตรีเด่นเฉพาะเครื่องมือ

                     - นักร้อง ต้องมีความสามารถทั้งร้องส่งและร้องรับในการแสดงต่าง ๆ และสามารถแหล่ทำนองต่าง ๆ ได้ (แหล่เฉพาะแบบดั้งเดิม)

                     - นักประพันธ์เพลง ต้องประพันธ์ ทั้งทางร้องและทางดนตรี

                     - ผู้อำนวยเพลง ต้องเป็นผู้อำนวยเพลงดีเด่น

                     - ผู้ผลิตเครื่องดนตรี

                4.3 การแสดงพื้นบ้าน ประกอบด้วย หมอลำ ซอ ลำตัด เพลงฉ่อย เพลงอีแซว เพลงบอก สวดคฤหัสถ์ ฯลฯ

ภาพจาก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
  


อ้างอิง  https://hilight.kapook.com/view/56456

วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560


วันวาเลนไทน์ ประวัติวันวาเลนไทน์


วาเลนไทน์
            วันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรัก Valentine's Day เรามีประวัติวันวาเลนไทน์ สัญลักษณ์วันวาเลนไทน์ ของขวัญวาเลนไทน์ ธรรมเนียมถือปฏิบัติ มาฝาก  
          วันวาเลนไทน์ คงเป็นวันที่ใครหลาย ๆ คนรอคอย... โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่ตื่นขึ้นมา พร้อมรอยยิ้ม เพื่อเตรียมของขวัญ คำหวาน และข้อความพิเศษ ๆ มอบให้กับคนรักอย่างแน่นอน..  และในโอกาสวาเลนไทน์วันแห่งความรักวันนี้ กระปุกดอทคอมก็ไม่พลาดหยิบยกเรื่องราวของวันวาเลนไทน์มาฝากกันอีกเช่นเคย มาดูกันซิว่า วันวาเลนไทน์เกิดขึ้นได้อย่างไร และชาวตะวันตกทำอะไรกันบ้างในวันสำคัญสำหรับชาวคริสต์วันนี้
           สำหรับประวัติวันวาเลนไทน์นั้น หลาย ๆ คนคงสงสัยว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร เหตุเป็นเพราะวันที่ 14 กุมภาพันธ์นั้น เป็นวันเสียชีวิตของนักบุญวาเลนไทน์ หรือเซนต์วาเลนไทน์ นักบุญแห่งความรักนั่นเอง นักบุญวาเลนไทน์ เป็นผู้ริเริ่มการจัดงานแต่งงานในยุคที่ไม่นิยมให้แต่งงานกัน เหตุเพราะในช่วงนั้น โรม ต้องประสบกับสงคราม จักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ต้องการเกณฑ์คนไปรบ แต่มีบุคคลจำนวนมากที่มีครอบครัว มีภรรยา มีคนรัก ต่างไม่อยากจะทิ้งครอบครัวไป ทำให้ จักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ตัดสินใจให้ยกเลิกการแต่งงานและการหมั้นทั้งหมดของชาวโรมันในยุคนั้นไปหมด อย่างสิ้นเชิง

           แต่นักบุญวาเลนไทน์กลับสวนกระแสของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ชักชวนคู่รักมาแต่งงานหลายต่อหลายคู่ จนโดนจับตัวไปขังเอาไว้ และในคุกที่คุมขังนักบุญวาเลนไทน์นั้น เขาได้พบรักกับสาวตาบอดนางหนึ่ง เมื่อโดนจับได้ นักบุญวาเลนไทน์จึงถูกนำตัวไปประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันดังกล่าวจึงกลายมาเป็น วันวาเลนไทน์ วันที่ผู้คนจะรำลึกถึงนักบุญผู้อุทิศตนให้ความรักนั่นเอง

วันวาเลนไทน์ ประวัติวันวาเลนไทน์

สัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์

          สัญลักษณ์วันวาเลนไทน์คือ เทพเจ้าคิวปิด ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรักดั้งเดิมของชาวโรมัน ร่างกายเป็นเด็กทารกติดปีก กำลังโก่งคันศรทองเล็งไปยังหัวใจของผู้คน ตามตำนานของกรีกและโรมันพูดถึงคิวปิดว่า เป็นบุตรของมาร์ (เทพเจ้าของสงคราม) และ วีนัส (เทพเจ้าแห่งความรักและความงาม)

          ตำนานความรักของ เทพเจ้าคิวปิด นั้น ในอดีต เทพเจ้าวีนัสอิจฉา "ไซกี" ธิดาวัยกำลังแรกรุ่นของกษัตริย์องค์หนึ่ง ที่สำคัญคือไซกีสวยกว่าเทพเจ้าวีนัสมาก นางเลยส่งเทพเจ้าคิวปิดไปหาไซกี เพื่อบันดาลให้ไซกีมีความรักกับบุรุษเพศ แต่เทพเจ้าคิวปิดกลับหลงรักไซกีและพามาที่วัง และลอบมาหาในเวลากลางคืนเพื่อไม่ให้ไซกีรู้ว่าตนเองเป็นใคร แต่มีคนยุให้ไซกีแอบดูตอนเทพเจ้าคิวปิดนอนหลับ แต่ด้วยความตื่นเต้นของไซกีที่เห็นเทพเจ้าคิวปิดเป็นหนุ่มรูปงาม เลยเผลอทำน้ำมันตะเกียงหกใส่เทพเจ้าคิวปิด เมื่อเทพเจ้าคิวปิดรู้สึกตัวตื่นขึ้นก็โกรธมากที่นางขัดคำสั่ง จึงทิ้งนางไป


          เมื่อโดนทิ้ง ไซกีก็ออกตามหาเทพเจ้าคิวปิด ซึ่งตลอดเวลาไซกีถูกเทพเจ้าวีนัสกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา จนเทพเจ้าคิวปิดเห็นใจต้องเข้ามาช่วย เทพเจ้าจูปิเตอร์เห็นใจ จึงช่วยให้ทั้งสองได้ครองรักกัน
วันวาเลนไทน์ ประวัติวันวาเลนไทน์

ธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติกันในวันวาเลนไทน์
 

          - หลายร้อยปีก่อนในประเทศอังกฤษ เด็ก ๆ จะแต่งตัวลอกเลียนแบบผู้ใหญ่ในวันวาเลนไทน์ แล้วร้องเพลงจากบ้านหลังหนึ่งไปยังบ้านอีกหลังหนึ่ง ในเนื้อเพลงท่อนหนึ่งจะกล่าวว่า " Good morning to you, Valentine ; Curl your locks as I do mine --- Two before and three behind. Good morning to you, Valentine." 

          - ในประเทศเวลส์ ผู้ที่มีความรักและชื่นชมในงานช้อนไม้แกะสลัก จะทำการแกะสลักช้อนและมอบให้เป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์ โดยจะสลักรูปหัวใจ และลูกกุญแจไว้บนช้อนนั้น ซึ่งมีความหมายว่า "คุณได้ไขหัวใจของฉัน" (You unlock my heart) 

          - เด็กหนุ่มสาวจะทำการเขียนชื่อคนที่ตัวเองชอบ แล้วหย่อนไว้ในอ่างหรือชาม แล้วหยิบขึ้นมาหนึ่งชื่อ เพื่อดูว่าใครจะเป็นคู่ของตัวเองในวันวาเลนไทน์ หลังจากนั้นก็จะเอาชื่อที่หยิบได้นี้มาติดไว้ที่แขนเสื้อเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ การทำเช่นนี้มีความหมายว่า คนคนนั้นต้องการบอกให้คนทั่วไปรู้ได้ง่าย ๆ ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร

          - ในบางประเทศ ผู้หญิงจะได้รับของขวัญเป็นเครื่องแต่งกายจากผู้ชาย แล้วถ้าผู้หญิงคนนั้นเก็บของขวัญชิ้นนี้เอาไว้นั่นหมายถึงหล่อนจะแต่งงานกับเขา

วันวาเลนไทน์ ประวัติวันวาเลนไทน์

          - บางคนมีความเชื่อว่า ถ้าผู้หญิงคนใดเห็นนกโรบินบินผ่านเหนือศีรษะตนเองในวันวาเลนไทน์ นั่นหมายถึงหล่อนจะได้แต่งงานกับกะลาสีเรือ หรือถ้าผู้หญิงคนใดเห็นนกกระจอก หล่อนก็จะได้แต่งงานกับชายยากจนและจะมีความสุข และถ้าผู้หญิงคนไหนเห็นนก Goldfinch หมายถึงหล่อนจะได้แต่งงานกับมหาเศรษฐี

          - ในบางประเทศจะมีการทำเก้าอี้แห่งรักขึ้นมา ซึ่งจะเป็นเก้าอี้ที่มีขนาดกว้าง ในครั้งแรกที่มีการทำเก้าอี้นี้ขึ้นมาก็เพื่อจะให้ผู้หญิงที่แต่งตัวในชุดราตรีนั่ง ต่อมาเก้าอี้แห่งรักนี้ได้ทำขึ้นเป็นสองส่วนและมักจะทำเป็นรูปตัวเอส (S) ซึ่งการทำเก้าอี้ทรงนี้จะทำให้คู่รักสามารถนั่งด้วยกันได้ แต่จะไม่ใกล้ชิดกันจนเกินไป

          - บางธรรมเนียมในบางแห่งของโลก เด็กหนุ่มสาวจะนึกถึงชื่อของคนที่ตัวเองอยากจะแต่งงานด้วยประมาณห้าถึงหกชื่อ ในขณะที่ปอกเปลือกผลแอปเปิลนั้นให้เป็นขดนั้น ก็ให้เอ่ยชื่อของคนที่นึกถึงออกมาจนกว่าจะปอกเปลือกแอปเปิลได้หมดผล และเชื่อกันว่า คนที่จะได้แต่งงานด้วยนั้นคือคนที่เอ่ยชื่อถึงในขณะที่ปอกเปลือกของแอปเปิล ได้หมดพอดี

          - ในบางประเทศมีความเชื่อว่า ถ้าหากผ่าผลแอปเปิลออกมาเป็นสองซีก แล้วให้นับเมล็ดข้างในดู แล้วก็จะสามารถรู้จำนวนบุตรในอนาคตได้ 





อ้างอิง  https://hilight.kapook.com/view/19756


วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2560

18 มกราคม วันกองทัพไทย วันยุทธหัตถี และวันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช





วันกองทัพไทย
           18 มกราคม วันกองทัพไทย และถือเป็นวันยุทธหัตถี และวันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อีกด้วย มาเรียนรู้ประวัติความเป็นมาไปด้วยกัน
 
             เราทุกคนต่างรู้จัก "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช" เป็นอย่างดี ทั้งจากในหนังสือเรียน ละคร ภาพยนตร์ รวมถึงเรื่องเล่าต่าง ๆ จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน ว่าท่านทรงเป็นวีรกษัตริย์นักรบที่มีพระปรีชาสามารถ และยังทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่กอบกู้เอกราชให้ชาติไทยอีกด้วย ดังนั้น วันที่ 18 มกราคมของทุกปี รัฐบาลจึงกำหนดให้เป็นวันกองทัพไทย วันยุทธหัตถี และวันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปรู้จักกับวันสำคัญนี้กันค่ะ

วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ความเป็นมาวันกองทัพไทย วันยุทธหัตถี และวันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช


             ความเป็นมาวันกองทัพไทยนั้น เกิดขึ้นจากสงครามยุทธหัตถีในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2135 ในครั้งนั้นพระเจ้านันทบุเรงได้ให้พระมหาอุปราชายกทัพใหญ่มาตีกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทราบข่าว จึงยกทัพหลวงไปตั้งรับที่หนองสาหร่าย ซึ่งระหว่างที่การรบกำลังดำเนินอยู่นั้น ช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และพระเอกาทศรถก็ได้ไล่ล่าศัตรูไปจนออกนอกเขตแดน จนทำให้ทั้งสองพระองค์ตกไปอยู่ในวงล้อมของศัตรูโดยไม่รู้ตัว

             แต่ถึงแม้จะอยู่ในสภาวะเสียเปรียบ พระองค์ก็มีพระสติ ไม่หวั่นไหว และทรงแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ว่าทางที่จะรอดได้มีเพียงทางเดียวเท่านั้น คือเชิญพระมหาอุปราชาเสด็จมาทำยุทธหัตถี ในท้ายที่สุดพระองค์ก็สามารถกระทำยุทธหัตถีได้รับชัยชนะอย่างสมพระเกียรติ และนับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีกองทัพใดกล้ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาอีกเลย ทำให้ในสมัยนั้นไทยได้ขยายอาณาเขตไปอย่างกว้างขวางกว่าสมัยใด ๆ ซึ่งการทำยุทธหัตถีในครั้งนั้น ถือว่าเป็นการทำยุทธหัตถีที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย และยังเป็นการรบบนบกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอีกด้วย 
 

             ในการนี้กองทัพไทยจึงถือเอาวันที่พระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะต่อพระมหาอุปราชา เป็น "วันกองทัพไทย" เรียกกันอีกอย่างว่า "วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" หรือ "วันยุทธหัตถี" เป็นวันรัฐพิธี แต่ไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ

             ทั้งนี้ แต่เดิมมีการระบุว่า วันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะต่อพระมหาอุปราชานั้น ตรงกับวันที่ 25 มกราคม ต่อมามีการคำนวณวันใหม่ จึงกำหนดให้วันที่ 18 มกราคมของทุกปีเป็น “วันยุทธหัตถี” และเป็นวันรัฐพิธีแทนวันที่ 25 มกราคม โดยให้มีการวางพานพุ่มสักการะ แต่ไม่ถือเป็นวันหยุดราชการเช่นกัน

            การที่มีการเปลี่ยนแปลงวันทั้งสองนั้น เนื่องจากเป็นการนับวันทางสุริยคติ ซึ่งคนปัจจุบันจะสามารถจำได้ง่ายมากกว่า และมีความเหมาะสมกว่า อีกทั้ง นายประเสริฐ ณ นคร ราชบัณฑิต ก็ได้คำนวณแล้ว พบว่าการนับวันทางจันทรคติของวันกระทำยุทธหัตถีเดิมที่ตรงกับวันจันทร์ เดือน 2 แรม 2 ค่ำ จุลศักราช 954 ที่กำหนดเป็นวันที่ 25 มกราคมนั้น คลาดเคลื่อน จึงได้มีการเปลี่ยนใหม่ให้ตรงกับความเป็นจริง คือ เป็นวันที่ 18 มกราคมดังกล่าว ดังนั้น วันที่ 18 มกราคม จึงถือเป็น "วันยุทธหัตถี" หรือ "วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช"



พระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

             สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยลำดับที่ 18 แห่งราชอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา ทรงเป็นพระโอรสองค์โตของพระสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้าและพระวิสุทธิกษัตรีย์ ภายหลังจากการเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่า สมเด็จพระนเรศวรได้ถูกนำเป็นองค์ประกันที่เมืองหงสาวดี

            ในระหว่างที่พำนักอยู่ที่นั่น พระองค์ได้ศึกษาวิชาความรู้ ความสามารถต่าง ๆ ด้วยความหวังที่แรงกล้าว่าจะได้กลับมากู้ชาติกู้แผ่นดินอีกครั้ง แต่ด้วยความที่สมเด็จพระนเรศวรเป็นผู้ที่มีความกตัญญูรู้คุณ พระองค์จึงไม่อยากที่จะทำการใด ๆ ในระหว่างที่พระเจ้าบุเรงนองยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ แต่พอภายหลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าบุเรงนอง สมเด็จพระนเรศวรก็ได้กลับมายังพระนครศรีอยุธยาบ้านเกิดอีกครั้ง และด้วยความสามารถที่เป็นเลิศทางด้านการศึกของพระองค์ โดยเฉพาะการทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา ก็ทำให้พระองค์สามารถกู้บ้านเมืองคืนมาได้อีกครั้ง จนเป็นที่น่าเกรงขามของข้าศึก


ความหมายของยุทธหัตถี

             ยุทธหัตถี หมายถึง การต่อสู้ด้วยอาวุธบนหลังช้าง เป็นการรบอย่างกษัตริย์มาแต่โบราณกาล ถือเป็นความเชื่อมาแต่โบราณว่า ยุทธหัตถีหรือการชนช้างนั้น เป็นยอดยุทธวิธีของนักรบ เพราะเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว จะแพ้หรือชนะก็ขึ้นอยู่กับความเก่งกล้า ว่องไว รวมถึงความชำนาญในการขี่ช้าง ดังนั้น เมื่อกษัตริย์พระองค์ใดทำยุทธหัตถีชนะ ก็จะได้รับการยกย่องว่ามีพระเกียรติยศสูงสุด หรือแม้แต่ผู้แพ้ก็ได้รับการยกย่องสรรเสริญว่าเป็นนักรบที่แท้จริง นอกจากนี้ในสมัยอยุธยา มีการทำยุทธหัตถี รวม 3 ครั้ง คือ 

             - ครั้งแรก ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เมื่อครั้งพระอินทราชาพระเจ้าลูกยาเธอได้ชนช้างกับข้าศึกที่นครลำปาง และถูกปืนสิ้นพระชนม์

             - ครั้งที่สอง ในสมัยพระมหาจักรพรรดิ ซึ่งได้ชนช้างกับพระเจ้าแปรกรุงหงสาวดี การทำยุทธหัตถีในครั้งนั้นส่งผลให้สมเด็จพระศรีสุริโยทัยต้องสิ้นพระชนม์

             - ครั้งที่สาม สมเด็จพระนเรศวรมหาราชชนช้างกับพระมหาอุปราชาแห่งกรุงหงสาวดี จนได้รับชัยชนะ ซึ่งยุทธหัตถีในครั้งนั้นถือได้ว่าเป็นครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์ และเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้พระเกียรติยศของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นที่เลื่องลือไปไกล


บทบาทของกองทัพไทย


             เนื่องในวันที่ 18 มกราคม ถือเป็นวันกองทัพไทยด้วยอีกหนึ่งวัน เราจึงควรทราบถึงบทบาทของกองทัพไทยซึ่งมีหน้าที่ที่สำคัญต่อประเทศมากมาย ล้วนแต่เป็นหน้าที่ที่สำคัญต่อประเทศชาติ ดังนี้

             - การป้องกันประเทศ


             กองทัพไทยได้จัดทำแผนการป้องกันประเทศไว้สำหรับรับสถานการณ์จากภัยคุกคามทุกด้าน และจัดให้มีการฝึกกองทัพไทยทุกปี รวมถึงมีการจัดเตรียมกำลังรบพร้อมปฏิบัติการตามแผนตั้งแต่ยามปกติและยามคับขัน รวมทั้งแก้ปัญหาผู้อพยพและผู้ที่หลบหนีเข้าเมือง 

             - การรักษาความมั่นคงภายใน


             กองทัพไทยให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของสถาบัน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รวมถึงปฏิบัติการด้านการข่าวเพื่อให้ได้ความร่วมมือจากประชาชนในการให้ข่าวสารกับทางราชการ และปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน

             - การรักษาผลประโยชน์ของชาติ


             กองทัพไทยมีบทบาทสำคัญในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ทั้งทางบกและทางทะเล ป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า รักษาเส้นทางคมนาคมทางทะเล ช่วยแหลือผู้ประสบภัย และบรรเทาสาธารณภัย

             - การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ


             กองทัพไทยมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้แก่ประชาชน รวมถึงการรักษาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไว้ 

             - การพัฒนาประเทศ


             การพัฒนาประเทศของกองทัพไทยนั้น คือการกำหนดแผนการปฏิบัติงานประจำปีของแต่ละหน่วย โดยใช้กำลังพลและงบประมาณของกองทัพในการดำเนินการ รวมถึงสนับสนุนภาครัฐและเอกชนตามโครงการพัฒนาประเทศ และพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพ

วันกองทัพไทย
ภาพจาก Jukgrit Chaiwised


กิจกรรมที่ทำในวันกองทัพไทย

             กิจกรรมที่จะกระทำในวันกองทัพไทย คือ

             - พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณต่อธงชัยเฉลิมพล หรือที่เรียกว่า "สวนสนามสาบานธง" ซึ่งเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์สำหรับทหาร และเป็นการระลึกถึงวีรกรรม

             - ทำบุญตักบาตร เพื่ออุทิศเป็นส่วนพระราชกุศลและกุศลแก่บรรพบุรุษ

             - ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการ

             - จัดแสดงนิทรรศการ เกี่ยวกับความเป็นมาของความกล้าหาญแห่งวีรกษัตริย์ไทย และวันกองทัพไทย

             ดังนั้น ในฐานะที่เราเป็นคนไทย เกิดบนแผ่นดินไทย เราทุกคนจึงควรตระหนักในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มั่นทำความดีและดูแลบ้านเมืองให้สงบสุข และที่สำคัญที่สุดคือควรสามัคคี เพื่อที่เราจะได้อยู่กันอย่างสงบ และเพื่อตอบแทนพระคุณของพระองค์ท่าน ที่ได้ทรงเสียสละเลือดเนื้อเพื่อปกป้องรักษาแผ่นดินไทยของเราให้ได้อยู่มาจนถึงทุกวันนี้

ภาพจาก culture.go.thวิกิพีเดีย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
culture.go.th


อ้างอิง  https://hilight.kapook.com/view/55367
 

วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2560

13 บทเพลงถึงพ่อหลวง ในวันครบรอบ 1 เดือนที่พ่อหลวงรัชกาลที่๙ ไม่อยู่

13 บทเพลงถึงพ่อหลวง ในวันครบรอบ 1 เดือนที่พ่อหลวงรัชกาลที่๙ ไม่อยู่

วันนี้ วันที่๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ครบหนึ่งเดือนแล้วที่ พ่อหลวงจากไปสู่สวรรคาลัย
มีบทเพลงมากมาย  ที่หลายศิลปิน กลั่นหัวใจ ร้อยเรียง ขับร้องถึงพ่อหลวง
วันนี้ จึงขอหยิบ 13 บทเพลง ที่เขียนถึงพ่อ มาฝากกัน

ยังมีบทเพลงอีกมากมาย ที่ไม่ได้ถุกหยิบมาให้ฟังในวันนี้
ในโอกาสต่อไปจะได้นำมาให้ฟังกัน ในเวบไซต์แห่งนี้ค่ะ

เริ่มกันด้วยบทเพลง

เพลง พ่อภูมิพล - แอ๊ด คาราบาว


เพลงพิเศษที่ ยืนยง โอภากุล (แอ๊ด คาราบาว) แต่งขึ้นมาเพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 “พ่ออยู่หัวภูมิพล” ของพสกนิกรชาวไทย ตลอดระยะเวลา 70 ปี แห่งการครองสิริราชสมบัติ พระองค์ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจในด้านต่างๆ อันเป็นประโยชน์แก่ประชาชนชาวไทย ดังปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสู่สวรรคาลัย ได้ยังความเศร้าโศกเสียใจแก่บรรดาพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ นับเป็นความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศและประชาชนชาวไทย

พ่อภูมิพล
คำร้อง/ทำนอง/เรียบเรียง/กีตาร์โปร่ง/ฮาร์โมนิก้า ยืนยง โอภากุล (แอ๊ด คาราบาว)
บันทึกเสียงและมิกซ์ อ๊อด อ่างทอง @Mongol Studio
มาสเตอร์ริ่ง วู้ดดี้ พรพิทักษ์สุข @Westside Mastering


เล่าสู่หลานฟัง - สลา คุณวุฒิ 【OFFICIAL AUDIO】

https://www.youtube.com/watch?v=N05Hr5MsnOY

ชื่อเพลง : เล่าสู่หลานฟัง
ขับร้อง : สลา คุณวุฒิ
คำร้อง/ทำนอง : สลา คุณวุฒิ
เรียบเรียง : ธีระพงษ์ ศักดิ์แก้ว

นั่งเบิ่งเทียนชัยที่จุดไว้หน้ารูปในหลวง
หลานน้อยมาท้วง ว่าเป็นหยังลุงจึงร้องไห้
เช็ดน้ำตาบ่ทัน จั๊กสิบอกหลานว่าจั่งใด๋
ตั้งแต่ในหลวงจากไป หัวใจก็จุกน้ำตา


13 ตุลา หนึ่งทุ่มตรง - ธเนศ วรากุลนุเคราะห์

ความรู้สึกใดๆที่เกิดขึ้นในค่ำคืนวันที่ 13 ตุลานั้น แม้ยากที่จะลืมหรือลบเลือนไปได้ ขอให้เป็นเพื่อนเตือนใจว่าการสูญเสียผู้ที่เรารักเทิดทูนบูชานั้นเจ็บปวดแค่ไหน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น และเราควรจะทำยังไงต่อไป เชื่อว่าทุกคนจะมีคำตอบของตัวเอง

ธเนศ วรากุลนุเคราะห์
13 ตุลา หนึ่งทุ่มตรง


เหตุผลของพ่อ - ธงไชย แมคอินไตย์


เนื่องในโอกาสมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชสมบัติครบ 70 ปี
เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้จัดทำบทเพลงพิเศษ “เหตุผลของพ่อ”
ขับร้องโดย ธงไชย แมคอินไตย์
คำร้อง/ทำนองโดย กมลศักดิ์ สุนทานนท์ และ ปิติ ลิ้มเจริญ
เรียบเรียงโดย เจษฎา สุขทรามร และ ธิติวัฒน์ รองทอง

ซึ่งบทเพลงพิเศษดังกล่าว จัดทำขึ้นมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และ
ร่วมเฉลิมพระเกียรติในโอกาสปีมหามงคลพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวทรงครองราช
สมบัติครบ 70 ปี โดยเนื้อหาของบทเพลงกล่าวถึงตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ผ่านมา
ในหลวงทรงงานอย่างหนักและทรงเหน็ดเหนื่อยก็เพื่อประชาชนทุกคน


เพลง พ่อครับ ศิลปิน ฟองเบียร์


เพลง พ่อครับ
ศิลปิน ฟองเบียร์
คำร้อง ฟองเบียร์
ทำนอง ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม
เรียบเรียง ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม
Producer ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม
Recording Engineer นที แสนทวี / วิสารท กุลศิริ
Guitar ฟองเบียร์
Mixed ธนวัฒน์ บุญภู

ผมเขียนสิ่งนี้ขึ้นมาหลังทราบข่าวใหญ่ที่สะเทือนหัวใจที่สุด ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงไม่รู้สึกว่านี่คือการเขียนเพลงเลย เหมือนผมเขียนจดหมายฉบับนึง ใจความสั้นๆแต่ผมรู้สึกแบบนั้นทุกตัวอักษร แล้วเหมือนผมอ่านข้อความนั้นออกมาเป็นทำนองเพื่อให้พ่อได้รับรู้ว่าผมคิดอะไร รู้สึกอะไร "พ่อครับ" ผมอยากให้พ่อได้ยิน


วันที่พ่อไม่อยู่ Wan Brothers Feat. Jugg Chawin


เนื้อร้อง/ทำนอง : อคิร วงษ์เซ็ง , ธนกฤต พานิชวิทย์
เรียบเรียง : อคิร วงษ์เซ็ง , ชวิน จิตรสมบูรณ์
Mixed/Mastered : อคิร วงษ์เซ็ง
ภาพ : นภัสสร ภูธรใจ
Guitarist : ชวิน จิตรสมบูรณ์
Piano : อคิร วงษ์เซ็ง
Bassist : ธีรัตม์ นิลวดี
Chorus : ชวิน จิตรสมบูรณ์ , ธนกฤต พานิชวิทย์ , อคิร วงษ์เซ็ง , พัดชา เอนกอายุวัฒน์


น้ำตาไม่หยุดไหล ชาวไทยคิดถึงพ่อ | เพชร สหรัตน์ |

เพลงนี้ผมทำขึ้นมา เพื่อส่งเสด็จสวรรค์คาลัย แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ หวังว่าพ่อคงจะรับรู้และได้ยินเสียงหัวใจของพวกเราชาวไทยทุกคนนะครับ

ศิลปิน : เพชร สหรัตน์
คำร้อง : เพชร สหรัตน์
ทำนอง : เพชร สหรัตน์
เรียบเรียง : เธค คอนสาร น้ำตาไม่หยุดไหล ชาวไทยคิดถึงพ่อ


เพลง เรื่องเล่าของพ่อ - ไหมไทย หัวใจศิลป์

https://www.youtube.com/watch?v=Di6IfFb_DlY
เพลง เรื่องเล่าของพ่อ
เพื่อแสดงความอาลัยในหลวง ร.๙ ของปวงชนชาวไทย
ขับร้องโดย ไหมไทย หัวใจศิลป์


เพลง ฟ้าร้องไห้ [Official MV]

https://www.youtube.com/watch?v=Tn4nhsn0SLA
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และเพื่อแสดงความอาลัยแด่
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มหิตลาธิเบศรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
ชลธี ธารทอง ศิลปินแห่งชาติและครูเพลง ร่วมกับ บมจ.เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์
นำทัพศิลปินลูกทุ่งระดับแถวหน้าของเมืองไทยร่วมขับร้องเพลง “ฟ้าร้องไห้”
จากก้นบึ้งหัวใจของครูชลธี ธารทอง ที่มีต่อการสูญเสียครั้งใหญ่
เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกแทนใจคนไทยทั้งประเทศ
อาทิ ไวพจน์ เพชรสุพรรณ, ผ่องศรี วรนุช, สดใส รุ่งโพธิ์ทอง, ชินกร ไกรลาศ, สุนารี ราชสีมา, ดาว มยุรี, ศิรินทรา นิยากร,
จิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ, อำพร แหวนเพ็ชร, ยุ้ย ญาติเยอะ, กมลาสน์ เอียดศรีชาย, จันทร์จวง ดวงจันทร์, กาญจนา มาศิริ,
เจเน็ต เขียว, ดวงจันทร์ สุวรรณี, ไชยา มิตรชัย, เอกชัย ศรีวิชัย, พรศักดิ์ ส่องแสง, บำเรอ ผ่องอินทรกุล,
ศราวุธ พลอยประดับ, ฝน ธนสุนธร, อาจารียา พรหมพฤกษ์, มนต์สิทธิ์ คำสร้อย, ศุภณัฐ เฉลิมชัยเจริญกิจ,
ชาณัชชา รากแก่น, ฐิภารินทร์ ยอดธนา, ดำรง วงศ์ทอง, ยิ้ม สุทธิดา, แตงกวา ณัฐรดา,
แอม เอวสะออน, มนัสวิน นันทเสน, ปีเตอร์ โฟดิฟาย ท็อปไลน์, หนู มิเตอร์, ปอยฝ้าย มาลัยพร, ดวงดี ศรีวิชัย,
เดชาธร สุวินิจจิต, ศุภวรรณ คำบุตร, รวมมิตร คงชาตรี, สุทธิยา รอดภัย, ชลที ศรีแก้ว, อภิรักษ์ สัตย์ชาพงษ์,
มาลิสา ชุบขุนทด, จักรพันธ์ หาญภิรมย์, จักรพงศ์ หาญภิรมย์, อนัญญา เนตร์นิยม, ปรัชญาลักษณ์ โชติวุฑฒินันท์,
จุฑาภรณ์ ช่างวาด, ชนิสรา เพชรคง, กนกวรรณ วันทะวงษ์ ฯลฯ


เพลงเเผ่นดินพ่อ (อี๊ด โอภากุล) แฝดผู้พี่ (แอ๊ด คาราบาว)

https://www.youtube.com/watch?v=3F4gUJenFt0

เพลง ตราบนานเท่านาน รัชกาลที่๙ - เบิ้ล ปทุมราช

https://www.youtube.com/watch?v=jH_mDbYFtVE

ຮັກພໍ່ huk phor - ປຸກກີ້ເງິນລ້ານ ( รักพ่อ - เพลงลาว ) ปุ๊กกี้ รักพ่อ
https://www.youtube.com/watch?v=Ztxxnw1Vlf8


เพลง ลำภูไทด้วยหัวใจที่ฮักพ่อ | ไมค์ทองคำหมอลำฝังเพชร

https://www.youtube.com/watch?v=zFMt9a2su-Y
บทเพลง ถวายความอาลัย และ น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
เพลง ลำภูไทด้วยหัวใจที่ฮักพ่อ:ไมค์ทองคำหมอลำฝังเพชร
คำร้องและทำนอง : สลา คุณวุฒิ

อ้างอิง http://thaibansinlapin.blogspot.com/2016/11/13-1.html#.WDT9Vrn5fs0

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2559

แต่งกลอนถวายความอาลัย(พ่อหลวงของแผ่นดิน)

แต่งเอง.......'' บทกลอนถวายความอาลัย '' 

( พ่อหลวงของแผ่นดิน )

...............ถวายความอาลัย ( พ่อหลวงของแผ่นดิน )..............

วันสิบสามตุลามาบรรจบ...................ทั้งพิภพ พสุธา แสนกำสรวล

ดั่งฟ้าฟาดลงมาดังคร่ำครวญ .........................ช่างแสนหวนโศกาสุดฤทัย

พระบิดรสยามจากไปแล้ว ........................ดั่งดวงแก้วแสงเทียนดับแขไข

น้ำตาท่วมทั่วราษฏร์สุดอาลัย.............................ภูวนัยพ่อหลวงภูมิพล

เจ็ดสิบปีครองราชย์ทรงงานหนัก.......................มิหยุดพักทรงเสด็จทุกแห่งหน

ต่อให้เหนื่อยทุกข์ยากตรากตรำตน............................มิทรงบ่นพระเสโทหลั่งลงดิน

ทรงก่อตั้งโครงการทุกทั่วทิศ............................ทุกชีวิตผาสุขแสนถวิล

ประชาชนชาวไทยได้อยู่กิน............................ดั่งฝนรินจากฟ้าชโลมใจ

ทรงมิเคยทอดทิ้งประชาราษฎร์..........................ภูวนาททรงเมตตาช่างผ่องใส

ทรงให้การศึกษาประชาชัย................................สร้างวินัยความรู้มุ่งสู่ตน

ทรงแนะนำแนวทางเศรษฐกิจ...............................ใช้ชีวิตพอเพียงแลเห็นผล

สร้างฐานะเป็นอยู่ได้ด้วยตน................................ให้เป็นคนเข้มแข็งสู้ชีวา

ทรงประกาศรวมใจคนในชาติ.................................ทรงประกาศอุปถัมภ์ศาสนา

ทรงเป็นจอมทัพไทยเจ้าพระยา..........................สร้างแสนยานุภาพกองทัพไทย

ทรงเป็นศูนย์รวมใจไทยทั้งชาติ.............................ทุกทั่วราษฎร์น้อมจิตพิศมัย

แลก้มกราบพระบาทด้วยฤทัย..............................นับถือนัยพระบิดรของปวงชน

แม้พระองค์ทรงจากลูกไปแล้ว.............................ดั่งดวงแก้วสลายกลางสายฝน

ลูกขอกราบพระบาทด้วยจิตตน..............................ขอกุศลต่อองค์ภูวนัย

ด้วยกุศลสร้างมาของข้าจิต.................................มอบอุทิศพระองค์ด้วยผ่องใส

ขอเป็นรองพระบาททุกชาติไป...................................เสด็จในสรวงสวรรค์นิจนิรันดร์.

....................................................................................................................................................................................

** ขอน้อมส่งเสด็จพระองค์สู่สวรรคาลัย **

**    ข้าพระพุทธเจ้า นายสุทธิเกียรติ วัชรกิตติ  และครอบครัว ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม  สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้    **

ปล. แต่งไป น้ำตาไหลไป บอกตรงๆ ผมคิดถึงพระองค์ท่าน จริงๆครับ.!!!............T__T........................



******************************************************************************************
พระทรงเป็นดั่งสายฝนชโลมจิต    ทั่วทุกทิศโปยปรายทุกถิ่นที่
ต่อแต่นี้สิ้นแล้วพระภูมี                ร้อยวจีมิอาจกลั้นความอาลัย

ขอพระองค์สู่สวรรคาลัย     ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป...
******************************************************************************************
จากไปแล้วพระมิ่งแก้วปวงขวัญหล้า ชาวประชาน้ำตานองหน้าไหล
70 ปีที่พ่ออยู่ดูแลไทย เราซึ้งใจในความรักของพระองค์
เกิดชาติไหนขอตามไปทุกที่ เป็นข้าบาทพ่อนี้ทุกแห่งหน
ขอบารมีพ่อหลวงของปวงชน คุ้มครองประชาชนชาคิไทยนิจนิรันตร์
******************************************************************************************
ธ ทรงเป็น ดั่งน้ำทิพย์ ชโลมจิต
ทั่วทุกทิศ ชุ่มช่ำแผ่ไพศาล
ด้วยพระบารมี ยิ่งยืนนาน
ไทยสราญ สุขทั่ว ทั้งธานี
แต่บัดนี้ สิ้นแล้ว องค์ภูมินทร์
พลังแผ่นดิน ของไทย มิ่งขวัญศรี
พระเมตตา ของพระองค์ ๗๐ ปี
สถิตย์ที่ ดวงใจ ไทยนิรันดร์

ปวงข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม
สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดไม่ได้   
ข้าพระพุทธเจ้า นางสาวธัญญเนษฐ์  พูนนิกร และ ครอบครัว
******************************************************************************************
“พระราชา” ทรงงานหนัก เพื่อให้ราษฎร์ สุขกายใจ
เสด็จเยือน ทั่วแดนไทย เพื่อราษฎร์ได้ อยู่ร่มเย็น
พระทรงงาน มิรู้เหนื่อย ใกล้ไกลเยือน ดับทุกข์เข็ญ
ประชาราษฎร์ สิ้นลำเค็ญ เพราะพ่อเป็น ร่มโพธิ์ไทร
ณ ยามนี้ เสด็จแล้ว สวรรค์แก้ว วิมานใส
เหล่าข้าบาท ปานขาดใจ โศกอาลัย โศกอาวรณ์
พระทูลกระหม่อมแก้ว นิราศแล้ว จากแท่นบรรจถรณ์
ปวงข้าพระบาท ราษฎร พนมกรกราบองค์ “พระภูมินทร์”

ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้
ข้าพระพุทธเจ้า นางสาวกนกพร นิลเป็ง และครอบครัว
*****************************************************************************************
โอ้อาลัยใจข้าพระพุทธเจ้า
ยังโศกเศร้าอาดูรไม่สูญหาย
พระแลลับนับทิวาพาฟูมฟาย
ยากต่อรายเรียงร้อยถ้อยความจน
ถึงพระคุณการุณหนุนนำชาติ
เป็นนักปราชญ์เสียสละอันมากล้น
ทรงสั่งสอนวิทยาพึ่งพาตน
ธ บันดลคนไทยพ้นภัยพาลฯ
******************************************************************************************
.........ถวายความอาลัย ( พ่อหลวงของแผ่นดิน )..............

วันสิบสามตุลามาบรรจบ...................ทั้งพิภพ พสุธา แสนกำสรวล

ดั่งฟ้าฟาดลงมาดังคร่ำครวญ .........................ช่างแสนหวนโศกาสุดฤทัย

พระบิดรสยามจากไปแล้ว ........................ดั่งดวงแก้วแสงเทียนดับแขไข

น้ำตาท่วมทั่วราษฏร์สุดอาลัย.............................ภูวนัยพ่อหลวงภูมิพล
******************************************************************************************
อ้างอิง http://pantip.com/topic/35701179

วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2559

แนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง และทฤษฎีใหม่

แนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง และทฤษฎีใหม่ 


เศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy)
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระราชดำรัสแก่ชาวไทยนับตั้งแต่ พ.ศ. 2517 เป็นต้นมา  และถูกพูดถึงอย่างชัดเจนในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 เพื่อเป็นแนวทางการแก้ไขวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย พ.ศ. 2540 ให้สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในกระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ

นักวิชาการไทยหลายคนร่วมแสดงความคิดเห็น อย่างเช่น ศ.นพ.ประเวศ วะสี, ศ.เสน่ห์ จามริก, ศ.อภิชัย พันธเสน, และศ.ฉัตรทิพย์ นาถสุภา เชื่อมโยงแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเข้ากับวัฒนธรรมชุมชน

ด้านสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิในทางเศรษฐกิจและสาขาอื่น ๆ มาร่วมกันประมวลเพื่อบรรจุในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ได้รับการเชิดชูจากองค์การสหประชาชาติ ว่าเป็นปรัชญาที่มีประโยชน์ต่อประเทศไทยและนานาประเทศ และสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกยึดเป็นแนวทางสู่การพัฒนาแบบยั่งยืน  โดยมีนักวิชาการและนักเศรษฐศาสตร์หลายคนเห็นด้วยกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง แต่ในขณะเดียวกัน บางสื่อตั้งคำถามถึงการยกย่องขององค์การสหประชาชาติ รวมทั้งความน่าเชื่อถือของรายงานศึกษาและท่าทีขององค์การ


หลักปรัชญา
              
...การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐาน คือ ความพอมีพอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นอันพอควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป

หากมุ่งแต่จะทุ่มเทสร้างความเจริญ ยกเศรษฐกิจขึ้นให้รวดเร็วแต่ประการเดียว โดยไม่ให้แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศและของประชาชนโดยสอดคล้องด้วย ก็จะเกิดความไม่สมดุลในเรื่องต่าง ๆ ขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นความยุ่งยากล้มเหลวได้ในที่สุด...
เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่ยึดหลักทางสายกลาง ที่ชี้แนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติของประชาชนในทุกระดับให้ดำเนินไปในทางสายกลาง มีความพอเพียง และมีความพร้อมที่จะจัดการต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะต้องอาศัยความรอบรู้ รอบคอบ และระมัดระวัง ในการวางแผนและดำเนินการทุกขั้นตอน ทั้งนี้ เศรษฐกิจพอเพียงเป็นการดำเนินชีวิตอย่างสมดุลและยั่งยืน เพื่อให้สามารถอยู่ได้แม้ในโลกโลกาภิวัตน์ที่มีการแข่งขันสูง

แผนภาพแสดงแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข



ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่ทรงปรับปรุงพระราชทานเป็นที่มาของนิยาม "3 ห่วง 2 เงื่อนไข" ที่คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นำมาใช้ในการรณรงค์เผยแพร่ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงผ่านช่องทางสื่อต่าง ๆ อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งประกอบด้วยความ "พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน" บนเงื่อนไข "ความรู้" และ "คุณธรรม"

ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง อธิบายถึงการพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ว่า เป็นการพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาท โดยคำนึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล

และการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัวตลอดจนการใช้ความรู้ ความรอบคอบละคุณธรรมประกอบการวางแผน การตัดสินใจและการกระทำต่าง ๆ ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดี ที่ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่พอประมาณ ความมีเหตุผล หมายถึง การใช้หลักเหตุผลในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ

โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ การมีภูมิคุ้มกันที่ดี หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงรอบตัว ปัจจัยเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้นั้น จะต้องอาศัยความรู้ และคุณธรรม เป็นเงื่อนไขพื้นฐาน กล่าวคือ เงื่อนไขความรู้ หมายถึง ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังในการดำเนินชีวิตและการประกอบการงาน

ส่วนเงื่อนไขคุณธรรม คือ การยึดถือคุณธรรมต่าง ๆ อาทิ ความซื่อสัตย์สุจริต ความอดทน ความเพียร การมุ่งต่อประโยชน์ส่วนรวมและการแบ่งปัน ฯลฯ ตลอดเวลาที่ประยุกต์ใช้ปรัชญา

อภิชัย พันธเสน ผู้อำนวยการสถาบันการจัดการเพื่อชนบทและสังคม ได้จัดแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงว่าเป็น

"ข้อเสนอในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามแนวทางของพุทธธรรมอย่างแท้จริง" 

ทั้งนี้เนื่องจากในพระราชดำรัสหนึ่ง ได้ให้คำอธิบายถึง เศรษฐกิจพอเพียง ว่า

"คือความพอประมาณ ซื่อตรง ไม่โลภมาก และต้องไม่เบียดเบียนผู้อื่น"

ระบบเศรษฐกิจพอเพียงมุ่งเน้นให้บุคคลสามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน และใช้จ่ายเงินให้ได้มาอย่างพอเพียงและประหยัด ตามกำลังของเงินของบุคคลนั้น โดยปราศจากการกู้หนี้ยืมสิน และถ้ามีเงินเหลือ ก็แบ่งเก็บออมไว้บางส่วน ช่วยเหลือผู้อื่นบางส่วน และอาจจะใช้จ่ายมาเพื่อปัจจัยเสริมอีกบางส่วน สาเหตุที่แนวทางการดำรงชีวิตอย่างพอเพียง ได้ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในขณะนี้

เพราะสภาพการดำรงชีวิตของสังคมทุนนิยมในปัจจุบันได้ถูกปลูกฝัง สร้าง หรือกระตุ้น ให้เกิดการใช้จ่ายอย่างเกินตัว ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินกว่าปัจจัยในการดำรงชีวิต เช่น การบริโภคเกินตัว ความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ ความสวยความงาม การแต่งตัวตามแฟชั่น การพนันหรือเสี่ยงโชค เป็นต้น

จนทำให้ไม่มีเงินเพียงพอเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านั้น ส่งผลให้เกิดการกู้หนี้ยืมสิน เกิดเป็นวัฏจักรที่บุคคลหนึ่งไม่สามารถหลุดออกมาได้ ถ้าไม่เปลี่ยนแนวทางในการดำรงชีวิต

ซึ่ง ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล ได้กล่าวว่า "หลาย ๆ คนกลับมาใช้ชีวิตอย่างคนจน ซึ่งเป็นการปรับตัวเข้าสู่คุณภาพ" และ "การลงมือทำด้วยความมีเหตุมีผล เป็นคุณค่าของเศรษฐกิจพอเพียง"
การนำไปใช้

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ถูกใช้เป็นกรอบแนวความคิดและทิศทางการพัฒนาระบบเศรษฐกิจมหภาคของไทย ซึ่งบรรจุอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาที่สมดุล ยั่งยืน และมีภูมิคุ้มกัน เพื่อความอยู่ดีมีสุข มุ่งสู่สังคมที่มีความสุขอย่างยั่งยืน หรือที่เรียกว่า "สังคมสีเขียว" 

ด้วยหลักการดังกล่าว แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 นี้จะไม่เน้นเรื่องตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ยังคงให้ความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจแบบทวิลักษณ์ หรือระบบเศรษฐกิจที่มีความแตกต่างกันระหว่างเศรษฐกิจชุมชนเมืองและชนบท

แนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงยังถูกบรรจุในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ในส่วนที่ 3 แนวนโยบายด้านการบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 78 (1) ความว่า: "บริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปเพื่อการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคง ของประเทศอย่างยั่งยืน


โดยต้องส่งเสริมการดำเนินการตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติในภาพรวมเป็นสำคัญ"
สุรเกียรติ เสถียรไทย ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กล่าวเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ในการประชุมสุดยอด The Francophonie Ouagadougou ครั้งที่ 10 ที่ประเทศบูร์กินาฟาโซ ว่าประเทศไทยได้ยึดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงควบคู่กับ "การพัฒนาแบบยั่งยืน" 

ในการพัฒนาประเทศทั้งทางด้านการเกษตรกรรม เศรษฐกิจ และการแข่งขัน ซึ่งเป็นการสอดคล้องเป้าหมายแนวทางของนานาชาติในประชาคมโลก โดยยกตัวอย่างการแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ พ.ศ. 2540 ซึ่งเมื่อยึดหลักปรัชญาในการแก้ปัญหาสามารถทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ของไทยเติบโตได้ถึงร้อยละ 6.7

นอกจากเศรษฐกิจพอเพียงจะมีประโยชน์ต่อประเทศไทย ทั้งยังมีความสำคัญต่อการพัฒนาในต่างประเทศ การประยุกต์นำหลักปรัชญาเพื่อนำไปพัฒนาประเทศในต่างประเทศเหล่านั้น 

ประเทศไทยได้เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนผ่านทางสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ โดยมีหน้าที่คอยประสานงานรับความช่วยเหลือทางวิชาการด้านต่าง ๆ จากต่างประเทศมาสู่ภาครัฐ แล้วถ่ายทอดต่อไปยังภาคประชาชน และยังส่งผ่านความรู้ที่มีไปยังประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ

เรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น สำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศได้ถ่ายทอดมาไม่ต่ำกว่า 5 ปี 

และประสานกับสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งต่างชาติก็สนใจเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เพราะพิสูจน์แล้วว่าเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ ซึ่งแต่ละประเทศมีความต้องการประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไม่เหมือนกัน 

ขึ้นอยู่กับวิถีชีวิต สภาพภูมิศาสตร์ของแต่ละประเทศ โดยได้ให้ผู้แทนจากประเทศเหล่านี้ได้มาดูงานในหลายระดับ ทั้งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายนโยบาย จนถึงระดับปลัดกระทรวง และรัฐมนตรีประจำกระทรวงต่าง ๆ 

นอกจากนั้นอดิเทพ ภาณุพงศ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ได้กล่าวว่า ต่างชาติสนใจเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง

เนื่องจากมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงห่วงใยราษฎรของพระองค์ และทราบสาเหตุที่รัฐบาลไทยนำมาเป็นนโยบาย ส่วนประเทศพัฒนาแล้วก็ต้องการศึกษาเพื่อนำไปช่วยเหลือประเทศอื่น

ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล ได้กล่าวถึงผลสำเร็จอย่างหนึ่งของเศรษฐกิจพอเพียงโดยองค์การสหประชาชาติ คือ "สหประชาชาติเห็นด้วยกับพระมหากษัตริย์ในเรื่องนี้ [เศรษฐกิจพอเพียง] โดยเริ่มใช้มาตรวัดคุณภาพชีวิตในการวัดความเจริญของแต่ละประเทศ แทนอัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ซึ่งกล่าวถึงแต่ความเจริญทางเศรษฐกิจเท่านั้น"


วาระทางการเมือง

หลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 คณะผู้ยึดอำนาจการปกครองอ้างว่านโยบายของอดีตนายกรัฐมนตรี พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ไม่เข้ากับทฤษฎีนี้[ และคำปรารถของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ระบุว่า การส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงเป็นบทบาทมูลฐานอย่างหนึ่งของรัฐ


การตอบรับ

ความเข้าใจของประชาชนชาวไทย
ปัญหาหนึ่งของการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ก็คือ ผู้นำไปใช้อาจยังไม่ได้ศึกษาหรือไม่มีความรู้เพียงพอ


การเชิดชู

13 นักคิดระดับโลกเห็นด้วยกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง และมีการนำเสนอบทความ บทสัมภาษณ์ต่าง ๆ เช่น

ศ.ดร. วูล์ฟกัง ซัคส์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมคนสำคัญของเยอรมนี สนใจการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างมาก และมองว่าน่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับทุกชาติในเวลานี้ ทั้งมีแนวคิดผลักดันเศรษฐกิจพอเพียงให้เป็นที่รู้จักในเยอรมนี

ศ.ดร. อมาตยา เซน ศาสตราจารย์ชาวอินเดีย เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ปี ค.ศ. 1998 มองว่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นการใช้สิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ และใช้โอกาสให้พอเพียงกับชีวิตที่ดี ซึ่งไม่ได้หมายถึงความไม่ต้องการ แต่ต้องรู้จักใช้ชีวิตให้ดีพอ อย่าให้ความสำคัญกับเรื่องของรายได้และความร่ำรวย แต่ให้มองที่คุณค่าของชีวิตมนุษย์

จิกมี ทินเลย์ นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศภูฏาน ให้ทรรศนะว่า หากประเทศไทยกำหนดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงให้เป็นวาระระดับชาติ และดำเนินตามแนวทางนี้อย่างจริงจัง

"ผมว่าประเทศไทยสามารถสร้างโลกใบใหม่จากหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สร้างชีวิตที่ยั่งยืน และสุดท้ายจะไม่หยุดเพียงแค่ในประเทศ แต่จะเป็นหลักการและแนวปฏิบัติของโลก ซึ่งหากทำได้สำเร็จ ไทยก็คือผู้นำ"

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้รับการเชิดชูเป็นอย่างสูงจากองค์การสหประชาชาติ โดย นายโคฟี อันนัน ในฐานะเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 และได้มีปาฐกถาถึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงว่า เป็นปรัชญาที่มีประโยชน์ต่อประเทศไทยและนานาประเทศ และสามารถเริ่มได้จากการสร้างภูมิคุ้มกันในตนเอง สู่หมู่บ้าน และสู่เศรษฐกิจในวงกว้างขึ้นในที่สุด

และนาย Hakan Bjorkman รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติในประเทศไทย กล่าวเชิดชูปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และยังได้ตระหนักถึงวิสัยทัศน์และแนวคิดในการพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและองค์การสหประชาชาติยังได้สนับสนุนให้ประเทศต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิก 166 ประเทศให้ยึดเป็นแนวทางสู่การพัฒนาประเทศแบบยั่งยืนการวิพากษ์

อย่างไรก็ตาม ศ. ดร. เควิน ฮิววิสัน อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนา แชพเพลฮิลล์ ได้วิจารณ์รายงานขององค์การสหประชาชาติโดยสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ที่ยกย่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ว่า รายงานฉบับดังกล่าวไม่ได้มีเนื้อหาสนับสนุนว่าเศรษฐกิจพอเพียงเป็น “ทางเลือกที่จำเป็นมากสำหรับโลกที่กำลังดำเนินไปในเส้นทางที่ไม่ยั่งยืนอยู่ในขณะนี้” เลย

และกล่าวว่าเนื้อหาในรายงานแทบทั้งหมดเป็นเพียงการเทิดพระเกียรติ และเป็นเพียงเครื่องมือในการโฆษณาชวนเชื่อภายในประเทศเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์อีกว่าแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นรูปแบบที่ไม่มีความแตกต่างไปจาก "ความนิยมท้องถิ่น" (Localism) เลย



ทฤษฎีใหม่
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สวนที่จัดแสดง "แนวพระราชดำริทฤษฎีใหม่" ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในงานราชพฤกษ์ 2549
เกษตรทฤษฎีใหม่ หรือ ทฤษฎีใหม่

เป็นแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
เกี่ยวกับการจัดพื้นที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยและมีชีวิตอย่างยั่งยืน โดยมีแบ่งพื้นที่เป็นส่วน ๆ

ได้แก่ พื้นที่น้ำ พื้นที่ดินเพื่อเป็นที่นาปลูกข้าว พื้นที่ดินสำหรับปลูกพืชไร่นานาพันธุ์ และที่สำหรับอยู่อาศัยและเลี้ยงสัตว์
ในอัตราส่วน 3:3:3:1 เป็นหลักการในการบริหารการจัดการที่ดินและน้ำ เพื่อการเกษตรในที่ดินขนาดเล็กให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ดังนี้

1 มีการบริหารและจัดแบ่งที่ดินแปลงเล็ก ออกเป็นสัดส่วนที่ชัดเจน เพื่อประโยชน์สูงสุดของเกษตรกร ซึ่งไม่เคยมีใครคิดมาก่อน
2 มีการคำนวณโดยหลักวิชาการ เกี่ยวกับปริมาณน้ำที่จะกักเก็บให้พอเพียง ต่อการเพาะปลูกได้ตลอดปี
3 มีการวางแผนที่สมบูรณ์แบบ สำหรับเกษตรกรรายย่อย 3 ขั้นตอน เพื่อให้พอเพียงสำหรับเลี้ยงตนเองและเพื่อเป็นรายได้
พื้นที่โครงการตามแนวเกษตรทฤษฎีใหม่

* โครงการพัฒนาพื้นที่เกษตรน้ำฝน บ้านแดนสามัคคี ตำบลคุ้มเก่า อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์
* โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ปักธงชัย หรือ ทฤษฎีใหม่บ้านฉัตรมงคล ตำบลปักธงชัยเหนือ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา
* โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ปากท่อ, โครงการพัฒนาที่ดินของมูลนิธิชัยพัฒนา ตำบลวันดาว อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี
* โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่หนองหม้อ ตำบลหนองหม้อ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์

อ้างอิง http://www.photoontour.com/SpecialPhotos_HTML/60thcelebration/king_data7.htm

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

รวมเพลงพระราชนิพนธ์ทั้ง48เพลง พร้อมเนื้อร้อง ไทย - อังกฤษ

รวมเพลงพระราชนิพนธ์ทั้ง48เพลง พร้อมเนื้อร้อง ไทย - อังกฤษ

ายชื่อเพลงพระราชนิพนธ์ทั้ง 48 เพลง

1
แสงเทียน

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักร
จุดเทียนบวงสรวงปวงเทพเจ้า
สวดมนต์ค่ำเช้าถึงคราวระทมทน
โอ้ชีวิตหนอล้วนรอความตายทุกคน
หลีกไปไม่พ้นทุกข์ทนอาทรร้อนใจ
ต่างคนเกิดแล้วตายไป

ชดใช้เวรกรรมจากจร
นิจจังสังขารนั้นไม่เที่ยงเสี่ยงบุญกรรม
ทุกคนเคยทำกรรมไว้ก่อน
เชิญปวงเทวดาข้าไหว้วอน
ขอพรคุ้มไปชีวิตหน้า
ทนทรมานมามากแล้วจะกราบลา
หนีปวงโรคาที่เบียดเบียน
แสงแววชีวาเปรียบแสงเทียน
เปรียบเทียนสิ้นแสงยามแรงลมเป่า
ชีพดับอับเฉาเหมือนเงาไร้ดวงเทียน
จุดเทียนถวายหมายบนบูชาร้องเรียน
โรคภัยเบียดเบียนแสงเทียนทานลมพัดโบย

โรครุมเร้าร้อนแรงโรย
หวนโหยอาวรณ์อ่อนใจ

ทำบุญทำทานกันไว้เถิดเกิดเป็นคน
ไว้เตรียมผจญชีวิตใหม่
เคยทำบุญทำคุณปางก่อนใด
ขอบุญคุ้มไปชีวิตหน้า
ทนทรมานมามากแล้วจะกราบลา
แสงเทียนบูชาจะดับพลัน
แสงเทียนบูชาดับลับไป


101 
CANDLELIGHT BLUES (แสงเทียน)
Music: H.M.K. Bhumibol Adulyadej
Lyric: Assoc. Prof. Sodsai Pantoomkomol 


The candlelight is shining low,
My only love, I'm missing you so.
I know I've lost
But still I dream of you.

I'll hope and dream
Till all my dreams come true.
Just by the candlelight
You used to hold me tight.
This candlelight reminds me so of you;
By candlelight you kissed me.
Still the candle's burning for two,
But darling, where can you be?
Come back, my love,
If you're feeling this blue
By candlelight you'll meet me.
But darling where can you be?
2
ยามเย็น
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์

แดดรอนรอน
เมื่อทินกรจะลับเหลี่ยมเมฆา
ทอแสงเรืองอร่ามช่างงามตา
ในนภาสลับจับอัมพร
แดดรอนรอน
เมื่อทินกรจะลาโลกไปไกล
ยามนี้จำต้องพรากจากดวงใจ
ไกลแสนไกลสุดห่วงยอดดวงตา
แต่ก่อนเคยคลอเคลียกัน
ทุกวันคืนรื่นอุรา
ต้องอยู่เดียวเปลี่ยววิญญาณ์
เหมือนดังนภาไร้ทินกร
แดดรอนรอน
หากทินกรจะลาโลกไปไกล
ความรักเราคงอยู่คู่กันไป
ในหัวใจคงอยู่คู่เชยชม
แดดรอนรอน
หมู่มวลภมรบินลอยล่องตามลม
คลอเคล้าพฤกษาชาติชื่นเชยชม
ชมสมตามอารมณ์ล่องเลยไป
ลิ่วลมโชย
กลิ่นพรรณไม้โปรยโรยร่วงห่วงอาลัย
ยามสายัณห์พลันพรากจากดวงใจ
คอยแสงทองวันใหม่กลับคืนมา
แต่ก่อนเคยคลอเคลียกัน
ทุกวันคืนชื่นอุรา
ต้องอยู่เดียวเปลี่ยววิญญาณ์
เหมือนดังนภาไร้ทินกร
โอ้ยามเย็น
จวบยามนี้เป็นเวลาสุดอาวรณ์
ยามไร้ความสว่างห่างทินกร
ยามรักจำจะจรจากกันไป


201 
LOVE AT SUNDOWN (ยามเย็น)
Music: H.M.K. Bhumibol Adulyadej
L
yric: Prof. Thanpuying Nopakhun Thongyai Na Ayudhya
'Tis sundown
The golden sunlight tints the blue sea,
Paints the hill and gilds the palm tree.
Happy be, my love, at sundown.
'Tis sundown.
The multi-coloured dancing sunbeam
Brightly shines on in my heart's dream
Of the one I love, at sundown.
The birds come to their nest-
At peace, they bill and coo.
The wide world sinks to rest,
And so do I and so do you.
'Tis sundown.
In splendour sinks the sun, comes twilight,
Day is done, now greets the cool night.
Happy be, my love, at sundown.


3 
สายฝน
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์

เมื่อลมฝนบนฟ้ามาลิ่ว
ต้นไม้พลิ้วลู่กิ่งใบ
เหมือนจะเอนรากคลอนถอนไป
แต่เหล่าไม้ยิ่งกลับงาม
พระพรหมท่านบันดาลให้ฝนหลั่ง
เพื่อประทังชีวิตมิทราม
น้ำทิพย์สาดเป็นสายพรายพลิ้วทิวงาม
ทั่วเขตคามชุ่มธารา
สาดเป็นสายพรายพลิ้วทิวทุ่ง
แดดทอรุ้งอร่ามตา
รุ้งเลื่อมลายพร่างพลายนภา
ยามเมื่อฝนมาแต่ไกล
พระพรหมช่วยอำนวยให้ชื่นฉ่ำ
เพื่อจะนำดับความร้อนใจ
น้ำฝนพลั่งลงมาจากฟ้าแดนไกล
พืชพรรณไม้ชื่นยืนยง


301 
FALLING RAIN
Music: H.M.K. Bhumibol Adulyadej
Lyric: Prof. Thanpuying Nopakhun Thongyai Na Ayudhya
Rain winds sweep across the plain.
Thunder rumbles on high.
Lightening flashes; Bows the grain.
Birds in fright nestward fly.
But the rain pours down in blessing;
Filled with cheer our hearts expand.
As the woods with notes of pleasure ring,
Sunlight streams o'er the land.
Bright the rainbow comes in view.
All the world's cool and clean.
Angels's tears the flowers renew.
Nature glistens in green.
Rain beads sparkle in your hair, love.
Rainbows glitter when you smile.
Thus we soon forget the clouds above,
Beauty so does beguile.


4
ใกล้รุ่ง 
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ร่วมกับ ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ

ได้ยินเสียงแว่วดังแผ่วมาแต่ไกลไกล
ชุ่มชื่นฤทัยหวานใดจะปาน
ฟังเสียงบรรเลงขับเพลงประสาน
จากทิพย์วิมานประทานกล่อมใจ
ใกล้ยามเมื่อแสงทองส่อง
ฉันคอยมองจ้องฟ้าเรืองรำไร
ลมโบกโบยมาหนาวใจ
รอช้าเพียงไรตะวันจะมา
เพลิดเพลินฤทัยฟังไก่ประสานเสียงกัน
ดอกมะลิวัลย์อวลกลิ่นระคนมณฑา
โอ้ในยามนี้เพลินหนักหนาแสงทองนวลผ่องนภา
แสนเพลินอุราสำราญ
หมู่มวลวิหคบินผกมาแต่รังนอน
เฝ้าเชยชิดช้อนลิ้มชมบัวบาน
ยินเสียงบรรเลงดังเพลงขับขาน
สอดคล้องกังวานซาบซ่านจับ


401 
NEAR DAWNMusic: H.M.K. Bhumibol Adulyadej
Lyric: Prof. Thanpuying Nopakhun Thongyai Na Ayudhya

How calm the world
all nature slumbers still.
Grey is the sky, No breezes blow.
O'er roof and hill,
The moon now low
Sends gentle light
To guard below.
Cocks waking call 'cross the fields:
Grey shadows flee;
Stars disappear.
But, here I lie sleepless, dear.
Bats flutter home.
The dawn is near.
Gold streaks the east.
Its glow, the roofs reflect,
Dark leaves turn green
And flow'rs with light, are deck'd.
Now birds and babes wake to play.
The world expectant waits
To greet a bright, new day.
Dew fresh and cool.
The town awakes from sleep
Its throb I hear:car, speeding, hum.
Of love and hope the birds sing, dear
Come, rise don't mope,
The dawn is near. 


5 
ชะตาชีวิต
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ
ร่วมกับ ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร

นกน้อยคล้อยบินมาเดียวดาย
คิดคิดมิวายกังวลให้หม่นฤทัยหมอง
ขาดมวลมิตรไร้คนสนิทคู่เคียงครอง
หลงใหลหมายปองคนปรานี
ขาดเรือนแหล่งพักพำนักนอน
ขาดญาติบิดรและน้องพี่
บาปกรรมคงมี
จำทนระทม
ท้องฟ้าสายัณห์ตะวันเลือน
แสงลับนับวันจะเตือนให้ใจต้องขื่นขม
หากเย็นลงฟ้าคงยิ่งมืดยิ่งตรอมตรม
ชีวิตระทมเพราะรอมา
จวบจันทร์แจ่มฟ้านภาผ่อง
เฝ้ามองให้เดือนชุบวิญญาณ์
สักวันบุญมา
ชะตาคงดี 


501 
H.M. BLUES
Music: H.M.K. Bhumibol Adulyadej
Lyric: H.H. Prince Chakrabandh Pensiri

We 've got the Hungry Men's Blues.
You'll be hungry too, if you're in this band.
Don't you think that our music is grand?
We've got the Hungry Men's Blues.
You've eaten now all of you.
We'd like to eat with you too,
That's why we've got the H.M. Blues 


6 
ดวงใจกับความรัก
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ


ค่ำคืนนภาดาราพราว
ประกายแสงดาวพราวตา
ดาษเรียงเคียงแสงดวงจันทรา
เพลินชมแสงพรายนภาเห็นดวงดาราล้อมจันทร์

ที่จริงนั้นเดือนและดวงดาว
ต่างเรืองแสงวาวพราวพรรณ
ด้วยแรงจากแสงดวงตะวัน
จึงมีแสงเดือนงามครันแสงดาวประชันน่าชม
เปรียบดวงดาวและดวงเดือน
ก็เหมือนแม้นแววมโนรมย์
เปล่งแววไปเปลี่ยนใจชม
ด้วยจินตนาอารมณ์นานาประการ
แน่นอนแท้จริงคือดวงใจ
ส่องแววรักไปยืนนาน
เปรียบดังกับแสงตะวันตระการ
ยังคงแสงงามสะคราญแสงทองยืนนานเรื่อยมา
ตะวันฉายมาดาราราย
ส่องแสงพริ้มพรายนัยน์ตา
รื่นรมย์ชมแสงดวงจันทรา
ชมดาวล้อมเดือนงามตาพริ้มพรายนภาแสงงาม
มาตรแม้นสูญดวงตะวันไป
ประดาแสงในฟ้าทราม
ผู้คนสัตว์ไม้จะตายตาม
ตะวันสูญไปเป็นยามล้วนมีแต่ความมืดมน
เปรียบดวงดาวและดวงเดือน
ก็เหมือนแม้นแววมโนรมย์
เปล่งแววไปต่างใจคน
เปลี่ยนแปลงไปตามใจตนเวียนวนจนตาย
ตะวันนั้นเหมือนดังดวงใจ
หากสิ้นแสงไปรักคลาย
ขาดความรักเหมือนชีวาวาย
จะเป็นหรือตายทั้งใจและกายไม่วาย 


601 
NEVER MIND THE HUNGRY MEN'S BLUES 
Music: H.M.K. Bhumibol Adulyadej
Lyric: H.H. Prince Chakrabandh Pensiri

We used to be so hungry,
We used to be so blue;
But now we know that you all
Enjoy the song we play along
The whole night through.
We used to be unhappy,
We used to be so blue;
But then you gave us supper,
We love to play all night and day
For all of you.
Les croissants au jambon,
Et sandwiches sont tres bon;
The punch's fine, the good wine.
Have all been wonderful
To band of mine.
We used to be so hungry,
We used to be so blue;
But then you gave us supper,
You 've been so kind, so
Never Mind the H.M. Blues. 


7
มาร์ชราชวัลลภ
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง พันตรี ศรีโพธิ์ ทศนุต

เราทหารราชวัลลภ...รักษาองค์
พระมหากษัตริย์สูงส่ง
ล้วนแต่องอาจแข็งแรง
เราทุกคนบูชากล้าหาญ
วินัยเทิดเกียรติชาติไว้ทุกแห่ง
ใจดุจเหล็กเพชรแข็งแกร่ง...มิกลัวใคร
เราเป็นกองทหารประวัติการณ์
ก่อเกิดกำเนิดกองทัพบกชาติไทย
เราทุกคนภูมิใจ
ได้รับไว้วางพระราชหฤทัย
พิทักษ์สมเด็จเจ้าไทย
ตลอดในพระวงศ์จักรีฯ
เราทหารราชวัลลภ
รักษาองค์ฯ จะถวายสัตย์ซื่อตรง
องค์ราชาราชินี
ถ้าแม้นมีภัยพาลอวดหาญ
มิเกรงดูหมิ่นข่มเหงย่ำยี
เราจะถวายชีวีมิหวาดหวั่น
จะลุยเลือดสู้ตายจะเอากายป้องกัน
เป็นเกราะทองรบประจัญศัตรู
ฝากฝีมือปรากฏ
เกียรติยศฟุ้งเฟื่อง
กระเดื่องกองทัพบกไทย
ไว้นามเชิดชูราชวัลลภคู่ปฐพี
8 
อาทิตย์อับแสง
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ


เคยชม
ร่วมภิรมย์ใจ
ด้วยความรักจริงยิ่งใหญ่
ผูกพันหัวใจเรามั่น

รักเอย
เคยอยู่เคียงกัน
ร่มเย็นมิเว้นวายวัน
ด้วยความสัมพันธ์ยืนยง
ทิวางาม
ยามอยู่เคียงคง
สุริยาแสงส่ง
ปวงชีวิตในโลกดำรงเริงใจ
ร้างกัน
วันห่างไปไกล
มืดมนหมองมัวปานใด
เยือกเย็นเข็ญใจรัญจวน
ไกลกัน
พาพรั่นใจครวญ
ร่างกายทรุดโทรมทุกส่วน
จิตใจร้อนรวนแรงอ่อน
รักเอย
เลยกลับอาวรณ์
ค่ำคืนฝืนใจไปนอน
ยิ่งดูเหมือนฟอนไฟลน
ทิวาทราม
ยามห่างดวงกมล
สุริยาหมองหม่น
ปวงชีวิตในโลกอับจนเสื่อมทราม
หวังคอย
คอยเฝ้าโมงยาม
จวบจนทิวาเรืองงาม
สบความรักยามคืนคง 


801 
BLUE DAY 
Music: H.M.K. Bhumibol Adulyadej
Lyric: H.H. Prince Chakrabandh Pensiri

Blue Day
There 's no sunshine.
Why must you go away,
Leaving me here alone?
My own.
How I miss you
With loving heart so true!
That's why I feel so blue.
Dear one,
What's the good of
Days without the sun,
Or peaceful nights
Without the moon?
But soon
No more blue day.
Whenever I meet you
Then all my dreams come true.
Blue day
Gloomy blue day,
When you are far away,
Why must we be apart?
Sweetheart,
Dear, I love you
With all my heart, I do
That's why I feel so blue.
My love,
Skies are so grey,
Cloudy up above,
Dear won't you please
Come back to me?
There'll be
No more blueday.
Again the sun will shine.
That day I'll make you mine. 


9 
เทวาพาคู่ฝัน
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ

ช่างงามทัศน์ทิวเขตคามงดงามน่าดู
ทั้งมวลล้วนมีเป็นคู่ชิดชูเชยชมรมย์รื่น
แต่ฉันดวงใจผูกพันใฝ่ฝันทุกคืน
เฝ้าปองเคียงครองคู่ชื่นให้รื่นเริงใจ
โลกนั้นดังเมืองสวรรค์เทวัญสร้างไว้
พิศดูเป็นคู่ทุกสิ่งล้วนมีรักจริงยิ่งใหญ่
อันธรรมชาติไซร้
ใช้แรงความรักความใคร่ ย้อมชีวิตให้ยืนยง
อยู่เดียวเปลี่ยวใจหทัยใฝ่ฝัน
เดชกามเทพพันผูกใจให้หลง
แม้เคยทำคุณบุญส่ง
ฟ้าคงปรานีดีอยู่
โปรดจงประทานความเอ็นดู
ให้มียอดชู้เป็นคู่ชูใจ
จวบวันทิวาเฉิดฉันตะวันสดใส
ฟ้าดลบันดาลรักให้สมดังดวงใจมุ่งมั่น
เฝ้าวอนพระทรงเสกพรไหว้วอนทุกวัน
โศกทรวงดวงใจอัดอั้นตื้นตันอุรา
จวบวันราตรีเฉิดฉันดวงจันทร์แจ่มฟ้า
พบความรักดังใจมั่นเหมือนเดือนตะวันกลางหล้า
สมพรจากฟ้า
พระทรงประทานปวงข้าชีวิตในหล้ายืนยง

901 
DREAM OF LOVE DREAM OF YOU 
Music: H.M.K. Bhumibol Adulyadej
Lyric: H.H. Prince Chakrabandh Pensiri

Each day, I dream of love, I dream of you.
You're like an angel dear,
For heaven sends you here.
With joy, I feel your kiss,
Your lovelight gleams.
But then, I find each bliss:
Only in dreams.

Each night, I yearn for love.
I long for you
You bring me ecstasy
Now you're forsaking me.
So heaven, please-
Please don't let me just dream
Please make my dream come true.

In Wonderland of love with you,
The rainbow gleams and roses bloom.
You are the lovely bride
And I, the happy groom.
But the wonderland of love
Is just a dream of love for you.

Each day, I dream of love, I dream of you.
Your eyes are heaven's bless;
Your smile brings happiness.
I find a cozy room,
A home for two
With roses all in bloom,
and lovely you.
In my kingdom of dreams,
You are my queen.
The joy is waking me;
I'm lost in reverie.
So heaven, please-
Please don't let me just dream.
Please make my dreame come true. 


10
คำหวาน
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ
ได้ยินเพลงหวานก้อง
ถ้อยทำนองร้องรำพัน
ฝากความรักไว้มั่น
ด้วยถ้อยอันอ่อนหวาน
เปรียบดังเพลงทิพย์มา
จากฟากฟ้าบันดาล
เสียงเพลงปานเพลงวิมาน
ประทานมากล่อม
เมื่อได้ยินเพลงเพราะดังว่า
ดั่งเทวาพาจิตโน้มน้อม
หรือมาลวงลองร้องเพลงกล่อม
จะประนอมให้ยอมปลงใจ
หากคำหวานขานเอ่ย
เพื่อเฉลยน้ำใจ
รักจริงใจขอฟังไป
ฟังให้ชื่นเชย
ชื่นอารมณ์สมปอง
แว่วเพลงร้องคมคำ
พลอดความรักเพ้อพร่ำ
ด้วยถ้อยคำงามสม
ถ้อยทำนองร้องส่ง
ก่อให้หลงลิ้นลม
เพลินเพลงชมย้อมอารมณ์
นิยมกลมกล่อม
เมื่อได้ยินเพลงเพราะดังว่า
ดั่งเทวาพาจิตโน้มน้อม
หรือมาลวงลองร้องเพลงกล่อม
จะประนอมให้ยอมปลงใจ
หากคำหวานขานเอ่ย
เพื่อเฉลยน้ำใจ
รักจริงใจขอฟังไป
ฟังให้ชื่นเชย

SWEET WORDS
Music: H.M.K. Bhumibol Adulyadej
Lyric: H.H. Prince Chakrabandh Pensiri

The song you sing me
Has sweetest words and melody.
It's love-laden flare
That keeps my heart all aflame.
I wonder if you really care
Or is it just a game
Of teasing poor me
Ever to be your slave of love?
Listen to sweetwords
In your song of love?
Like the tunes of birds
Singing up above.
How am I to know
Those sweet words are true?
Please say so.
Don't say no.
Say you mean it too.
Though your melody haunted me,
But your heart I never knew
You can sing along
Sweet love song
But the words may not be true.
If the song you sing
Has sweet words sincere,
Please, darling
Keep singing.
Forever, dear.
11
มหาจุฬาลงกรณ์
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: ท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา ร่วมกับ นายสุภร ผลชีวิน

น้ำใจน้องพี่สีชมพู
ทุกคนไม่รู้ลืมบูชา
พระคุณของแหล่งเรียนมา
จุฬาลงกรณ์
ขอทูนขอเทิดพระนามไท
พระคุณแนบไว้นิรันดร
ขอองค์พระเอื้ออาทร
หลั่งพรคุ้มครอง
นิสิตพร้อมหน้า
สัญญาประคอง
ความดีทุกอย่างต่างปอง
ผยองพระเกียรติเกริกไกร
ขอตราพระเกี้ยวยั้งยืนยง
นิสิตประสงค์เป็นธงชัย
ถาวรยศอยู่คู่ไทย
เชิดชัยชโย 


12 
แก้วตาขวัญใจ
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ

แก้วตาขวัญใจเธออยู่แห่งใดขวัญเอย
ขาดชู้คู่เชยรักเอยเดียวดาย
เฝ้าคอยรักเศร้าเหงาใจแสนหน่าย
เปลี่ยวปานชีวาวางวายคลายสุขตรม
โอ้เวรไหนมาพาโชคชะตาแสนชั่ว
โลกนี้มืดมัวหวาดกลัวระทม
ได้แต่หวังนั่งแต่ฝันคอยคู่ขวัญตันอกตรม
ร้อนอารมณ์หวังชมชิดเชยดวงใจ
อยู่คนเดียเปล่าเปลี่ยวปานใดอกใจระทม
ขาดคนนิยมขาดคู่ชิดชมระบมทรวงใน
โอ้บุญไม่ช่วยนำพาแก้วตาขวัญใจ
ได้แต่ฝันไปไม่สบสมใจรักเอย
แก้วตาขวัญใจเธออยู่แห่งใดหนอเธอ
เฝ้าเพ้อเฝ้าละเมอใฝ่เธอมาเชย
สุดจะเหงาเฝ้าแต่ฝันทรวงกระสันพรั่นจิตเลย
ฝันถึงวันขวัญเอยชิดเชยชื่น 


1201
LOVELIGHT IN MY HEART 
Music: H.M.K. Bhumibol Adulyadej
Lyric: H.H. Prince Chakrabandh Pensiri

Oh, darling mine, I'm so in love with you.
Since first we met long, long ago.
I wonder if you love me too?
My lonely, loving heart's bleeding so,
My whole life now depends on you, my love.
You're sent from heaven up above.
Just to fill empty heart
With a thrill from the start.
At first sight, lovelight burns in my heart.
Fate brings me life anew,
When I meet you,
Love at first sight,
With flaming light
Burns in my heart.
In Reaching for you, love,
You're high above,
Like stars afar
It seems we are apart.
So beats my heart with such a love so true,
My heart, my soul belong to you.
You alone, mean to me,
You're my own destiny.
At first sight, lovelight keeps burning me.
If you love me as much as I love you,
The whole world, dear, will be so fair,
The skies will be so clear, so blue
And there'll be warm sunshine everywhere,
My searching heart will never roam again
With you alone I shall remain,
Ever care, from the start,
Ever share, lover's part.
At first sight, lovelight burns in my heart.
Fate brings me life anew,
When I meet you,
Love at first sight,
With flaming light
Burns in my heart.
In reaching for you, love,
You're high above,
Like stars afar
It seems we are apart.
So beats my heart with such a love so true,
My heart, my soul belong to you.
You alone, mean to me,
You're my own destiny.
At first sight, lovelight keeps burning me. 


13
พรปีใหม่
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ


สวัสดีวันปีใหม่พา
ให้บรรดาเราท่านรื่นรมย์
ฤกษ์ยามดีเปรมปรีดิ์ชื่นชม
ต่างสุขสมนิยมยินดี

ข้าวิงวอนขอพรจากฟ้า
ให้บรรดาปวงท่านสุขศรี
โปรดประทานพรโดยปรานี
ให้ชาวไทยล้วนมีโชคชัย
ให้บรรดาปวงท่านสุขสันต์
ทุกวันทุกคืนชื่นชมให้สมฤทัย
ให้รุ่งเรืองในวันปีใหม่
ผองชาวไทยจงสวัสดี
ตลอดปีจงมีสุขใจ
ตลอดไปนับแต่บัดนี้
ให้สิ้นทุกข์สุขเกษมเปรมปรีดิ์
สวัสดีวันปีใหม่เทอญ 


14
ักคืนเรือน
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ

โอ้รักเอ๋ย
รักเคยชิดเชยชูชื่น
สุดหวานอมสุดขมกลืน
สุดรักยืนยิ่งยง
เมื่อรักหวาน
รักปานดังลมบนส่ง
โบกพัดไปให้รักคง
ลิ่วพัดตรงทิศทาง
ครั้นมีบางอารมณ์
พาให้ขื่นขมรักเบาบาง
สายลมเวียนกลางทาง
รักกลับจืดจางห่างไป
โอ้ลมหวน
สายลมแปรปรวนไปได้
ใฝ่พัดมาฝ่าพัดไป
เปลี่ยนเหมือนใจคนเรา
โอ้ลมเอ๋ย
ลมเคยรำเพยเชยชื่น
กลับพัดเวียนเปลี่ยนทิศคืน
ไม่พัดยืนเรื่อยไป
เปรียบรักหวน
รักมาแปรปรวนไปใหม่
จิตวกเวียนเปลี่ยนน้ำใจ
สุดเสียดายรักเรา
แม้รักแปรปรวนไป
จะชื่นสุขใจนั้นทำเนา
แท้จริงทุกข์มิเบา
ด้วยถ่านไปเก่ารุมรม
เฝ้าแต่หวัง
รักเราเธอยังคงบ่ม
อย่าวกเวียนเปลี่ยนเหมือนลม
ด้วยหวังชมชื่นเชย
เด่นจันทร์ฉาย
จันทร์แรมยังกลายมัวหม่น
เปรียบเหมือนเดือนก็เหมือนคน
จิตวกวนง่ายดาย
ก่อนเคยเห็น
ดวงจันทร์วันเพ็ญพร่างพราย
ก่อนแสงแรงกลับแสงคลาย
ดั่งรักกลายรักจาง
เพราะมีบางอารมณ์
พาให้ขื่นขมรักเบาบาง
เหมือนเดือนเวียนตามทาง
เดือนมืดมัวจางห่างไป
จวบวันเพ็ญ
ดวงจันทร์เวียนเป็นเดือนใหม่
เปรียบรักเราอับเฉาไป
กลับรักใหม่คืนคง 

1401
LOVE OVER AGAIN 
Music: H.M.K. Bhumibol Adulyadej
Lyric: H.H. Prince Chakrabandh Pensiri

I'm in love with you over again,
My darling, when you sing
Love's refrain for me.
How can I ever forget you, dear?
I will be so happy
When you're near again.
A slave of your love
Forever I will remain.
Heaven up above
Won't let me love in vain.
I'm in love with you over again,
Dear, will you love me too
As much as I do?
I'm in love with you with all my heart
In my scheme, in my dream,
Lover's part is you.
Everday it seems so cold and gray.
I'm so blue without you
While I stay in love.
When you're far away
You're all that I'm thinking of.
There will come a day
When you'll return, my love.
With your love, how happy I will be,
Forever and ever. So happy in love. 


15 
ยามค่ำ
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ

ยามประกายแสงทองส่อง
งามเรืองผ่องนภา
ประเทืองผองมวลชีวา
ดังพรจากฟ้าเสกมาให้
ยามประกายแสงเดือนส่อง
ยามนวลผ่องฟ้าไกล
ชื่นชมสมดังดวงใจ
สบสุขสุดใสหทัยบาน
ยามค่ำลงโพล้เพล้ถ่ายเทประภา
ในเมื่อยามทิวาต่อราตรีกาล
มีแต่ความมืดมนอับจนดวงมาน
เหงาปานขาดใจ
แท้ที่จริงนั้นยามค่ำ
นำให้รื่นฤทัย
ค่ำลงแล้วราตรีใหม่
เคลื่อนมาพาใจให้ชื้นชื่นเชย
ยามรุ่งแสงทิวางาม
เรืองอร่ามวิไล
โลกเริงสำราญปานใด
หมู่มวลพันธุ์ไม้ดอกใบบาน
ครั้นเมื่อยามแสงเดือนส่อง
ราตรีผ่องสำราญ
หมู่ดาววับวามงามตระการ
โลกเป็สถานชื่นบานใจ
ยามค่ำลงสลัวมืดมัวแสงสี
แสนเปลี่ยวในฤดีสุดที่อาลัย
มีแต่ความมืดมนอับจนดวงใจ
คอยคืนใหม่งาม
แท้ที่จริงนั้นยามค่ำ
นำยามเนื่องถึงยาม
ค่ำลงแล้วราตรีตาม
โลกยิ่งสุดงามสมความชื่นชม


1501
TWILIGHT 
Music: H.M.K. Bhumibol Adulyadej
Lyric: H.H. Prince Chakrabandh Pensiri

When the sun is beaming,
Bright and lovely day,
The world is singing,
For all the clouds just roll away.
When the moon is beaming,
Soft and mellow night,
The world is singing,
For lovers love the moonlight.
But there are moments at the twilight,
When the day is blending with the night,
Life is so serene,
A dusky screen
Covers the world.
Then it seems so lifeless,
But only awhile
A dawn to happiness,
Twilight is planned so to beguile.
When the golden sun beam
Streams over the world,
The land is like a dream;
The pretty flowers and leaves unfurled.
When the silvery moonbeam
Shines on up above,
With twinkling star agleam,
A wonderland of true love.
While the sunbeam kisses the moonlight,
When the day is blending with the night,
Life is so serene,
A dusky screen
Covers the world.
Twilight is but stillness
Blessing in disguise
A dawn to happiness,
A calm prelude to paradise. 

16
ยิ้มสู้
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ

โลกจะสุขสบายนั้นเป็นได้หลายทาง
ต้องหลบสิ่งกีดขวางหนทางให้พ้นไป
จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ
สุขและทุกข์อย่างไรเพราะใจตนเอง
ฝ่าลู่ทางชีวิตต้องคิดเฝ้าย้อมใจ
โลกมืดมนเพียงใดหัวใจอย่าคร้ามเกรง
ตั้งหน้าชื่นเอาไว้ย้อมใจด้วยเพลง
ไยนึกกลัวหวาดเกรงยิ้มสู้
คนเป็นคนจะจนหรือมี
ร้ายหรือดีคงมีหวังอยู่
ยามปวงมารมาพาลลบหลู่
ยิ้มละมัยใจสู้หมู่มวลเภทภัย
ใฝ่กระทำความดีให้มีจิตโสภา
สร้างแต่ความเมตตาหาความสุขสันต์ไป
จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ
เฝ้าแต่ยิ้มสู้ไปแล้วใจชื่นบาน 


1601
SMILES 
Music: H.M.K. Bhumibol Adulyadej
Lyric: H.H. Prince Chakrabandh Pensiri

Don't you think a smile is quite a strange thing?
When you start to smile, it wrinkles your face,
And when it is gone, you cannot find
Its peculiar secret hidding place.
But it's really far more wonderful thing,
Just to see what can each little smile do.
When you smile at one, he smiles at you.
So one little smile makes two.
Since you smiled, he's smiling too.
Then someone starts smiling back,
And that on will be smiling,
Till, in truth, you fail in keeping track.
And because a smile can do us great good.
By just cheering heart of love and of care,
Let us smile, and smile, and not forget
Smiles are welcomed everywhere. 


17
มาร์ชธงไชยเฉลิมพล 
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
พลงพระราชนิพนธ์ มาร์ชธงไชยเฉลิมพล หรือ The Colours March เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๑๗ ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. ๒๔๙๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่กองทัพไทย เพื่อใช้ในการเชิญธงไชยเฉลิมพลในพิธีการของกองทัพ

18
เมื่อโสมส่อง
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: ท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา

อ้าโสมทอแสงอำไพ
ฉันสุขใจหมายชม
เพลินหลงพร่ำเพ้อภิรมย์
โสมสาดส่องแสงมา
ภาคพื้นเวหาพราวพราย
เพราะก่องประกายดารา
เพียงเพชรพลอยส่องฟ้า
แวววับจับใจ
เมฆน้อยลอยโลมลูบหาว
เหมือนมืออันผ่องขาวละไม
ลูบโลมนภาสดใส
นั้นพาให้หทัยฉันสะเทือน
โอ้ลมเอ๋ยเชยพัดเตือนมา
มิให้อุราลืมเลือน
เพียงเสียงเธอรำพันเตือน
คำมั่นสัญญา
อ้าโสมชวนฉันคำนึง
ครั้งหนึ่งกลางแสงจันทร์
เราสองพลอดเพ้อรำพัน
รักมั่นไม่ผันแปร
ตราบฟ้าดินม้วยแลเรา
สองดับสลายดวงแด
วิญญานไม่ห่างแห
ลอยรักร่วมทาง
ครั้นแล้วเวรกรรมชาติไหน
ระดมกันผลักไสเราห่าง
เมื่อรักยังไม่หม่นหมาง
รักยังสลักกลางดวงใจ
แต่ยังหวังในผลบุญนำ
ให้บาปกรรมแคล้วไป
คืนพบความรักเดิมใน
คืนหนึ่งวันเพ็ญ 


1801
I NEVER DREAM 
Music: H.M.K. Bhumibol Adulyadej
Lyric: H.H. Prince Chakrabandh Pensiri

I never dream that I will ever find you.
I never dream my dreams will ever come true.
My thoughts were like the weary winding little streams,
That would never meet the sea, it seems.
No matter where I roamed away from my home alone,
I found no one at all, no one I could call my own.
And I never dream the sun will ever shine again,
While skies are full of thunder storms and rain.
I never dream that I will ever find my way,
My life was like an endless journey night and day,
Like travelling through the night without the moon above,
I could never dream I'd find my love.
But then you came along, like a lovely song so sweet.
And every time you kiss, my heart would just miss a beat.
So I never have to dream since I have found you
Sweetheart, now you have made my dreams come true.
46
Blues for Uthit
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
(เป็นเพลงบรรเลงแนว Jazz ไม่มีเนื้อเพลง) 
19
ลมหนาว
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: ท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา

ยามลมหนาวพัดโบกโบยโชยชื่น
เหล่าสกุณร้องรื่นรมย์
หมู่ดอกไม้ชวนภมรร่อนชม
ช่างสุขสมเพลินตาน่าดูชูใจ
โอ้รักเจ้าเอ๋ย
ยามรักสมดังฤทัย

พิศดูสิ่งใด
ก็แลวิไลแจ่มใสครัน
อันความรักมักจะพาใจฝัน
เมื่อรักนั้นสุขสมจิตปอง

ยามลมฝนพัดโบกโบยกระหน่ำ
หยดหยาดนำน้ำหลั่งนอง
ผึ้งภู่ทั้งวิหคเหงาเศร้าหมอง
เกลื่อนกลาดผองมาลีร่วงโรยลงดิน
เหมือนรักผิดหวัง
เปรียบดังหัวใจพังภินท์
น้ำตาหลั่งริน
และลามไหลเพียงหยาดฝนปราย
อันความรักแม้นไม่เป็นดังหมาย
ตราบวันตาย ชีพขมขื่น 


1901
LOVE IN SPRING 
Music: H.M.K. Bhumibol Adulyadej
Lyric: H.H. Prince Chakrabandh Pensiri

Love in spring sets my heart aflame,
Burning as embers glow.
Everytime when I hear your name,
Then my burning tears begin to flow.
There'll come a day
When skies will be so blue.
May be you'll say
You are in love with me too.
I'll find joy then in everything,
For I find my love in spring
I am longing for love in spring
When the days are so fair.
What supreme happiness it'll bring.
All the red roses bloom everywhere.
Birds in the trees
Will sing a lovely tune.
And in the breeze
We'll watch the bright lovely moon.
I'll find joy then in everything,
for I find my love in spring.


20
ศุกร์สัญลักษณ์
นอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช

ลูกคู่
ซี วิง ลาย คราม ต้องไม่แสดง รุ่มร่าม ซี วิง ลาย คราม ต้องไม่แสดง รุ่มร่าม
หนึ่ง สอง สาม สี่ อ้าว ไม่สี หนึ่ง สอง สาม สี่ อ้าว ไม่เป่า
ซี วิง ลาย คราม ชู่ ชู่ ชู่ ชู่
เนื้อร้อง
ดีด ก็วันนี้ สี ก็วันนี้ ตี ก็วันนี้ ลายคราม
เป่า ก็วันนี้ เมา ก็วันนี้ เมา แต่ดนตรี ลายคราม
สุข ก็วันนี้ สนุก ก็วันนี้ ศุกร์ สิ้นทุกข์ ลายคราม
อิ่ม ก็วันนี้ เมื่อย ก็วันนี้ ง่วง ก็วันนี้ ลายคราม
นิ้วพัง ก็วันนี้ ปากเจ่อ ก็วันนี้ เจ่อ เพราะดนตรี ลายคราม
สุข ก็วันนี้ สนุก ก็วันนี้ ศุกร์ สิ้นทุกข์ ลายคราม
โด ก็วันนี้ เร ก็วันนี้ มี ก็วันนี้ ลายคราม
ฟา ก็วันนี้ กวา ก็วันนี้ กวาเพราะดนตรี ลายคราม
สุข ก็วันนี้ สนุก ก็วันนี้ ศุกร์ สิ้นทุกข์ ลายคราม
2001
FRIDAY NIGHT RAG 
Music: H.M.K. Bhumibol Adulyadej
Lyric: M.R. Seni Pramoj

Friday night rag rag rag rag getty rag
Friday night rag rag rag rag getty rag
One, two, three, four-miss a beat,
One, two, three, four-play it neat,
Friday night rag (choo choo choo choo)
Blow on Friday, pull on Friday,
Thump on Friday, old Band.
Drink on Friday, drunk on Friday,
Music gay gay, old band.
Hit it to night, split it tonight,
Friday night for rag.
21
Oh I say 
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: หม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช 


Oh let me say, just to say, What I'll say.
Or do you say, just to say, What you'll say.
Oh let us say, Just to say, What we'll say.

Now what'll we say? Just something to be gay,
To chase the trouble and the cares of the day away.
Let us all sing the song, we want to be happy today.
Happiness comes only once in a lifetime.
We do not know whence we come, where we go.
So here goes.
Now let me say, just to say, What I'll say.
And do you say, just to say, What you'll say
Let us all sing the song, we want to be happy today. 


22
Can't You Ever See
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ


Can't you ever see
That I love you eternally?
All my heart and my soul
From now forever will belong to you.

Can't you ever see
Lovingly your I'll always be?
All my thoughts and my dreams,
My whole life is just meant for you.
How can I make you see I love you alone?
I never could have you for my own
I love you, love only you,
Forever and ever I'm yours it's true.
Life is meaningless
I'd never find my happiness,
Without you I would die
Can't you see? I love only you. 


23
Lay Kram Goes Dixie 
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

เพลงพระราชนิพนธ์ Lay Kram Goes Dixie (ข้อมูล) เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๒๓ ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. ๒๔๙๘ พระราชทานให้แก่ วงลายคราม ซึ่งเป็นวงดนตรีแจ๊สส่วนพระองค์ ที่ทรงตั้งขึ้นหลังจากเสด็จนิวัตประเทศไทย บรรเลงครั้งแรกทางสถานีวิทยุ อ.ส.
"วงลายคราม" เป็นวงดนตรีที่มีแต่นักดนตรีสมัครเล่น ซึ่งล้วนแต่เป็นพระราชวงศ์ผู้ใหญ่ที่พระองค์ทรงคุ้นเคยมาแต่ทรงพระเยาว์ อาทิ หม่อมเจ้าวิมาทิตย์ รพีพัฒน์, หม่อมเจ้าแววจักร จักรพันธุ์, หม่อมหลวงเดช สนิทวงศ์, หม่อมเจ้ากมลสาน ชุมพล, หม่อมหลวงอุดม สนิทวงศ์, หม่อมราชวงศ์พงศ์อมร กฤดากร หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช
นักร้องของวงลายครามได้แก่ หม่อมเจ้าบูรธาภิเศก โสณกุล, หม่อมเจ้าขจรจบกิตติคุณ กิติยากร
ด้วยเหตุที่วงลายครามเป็นวงดนตรีของนักดนตรี นักร้องสมัครเล่น หลายๆครั้งที่นักดนตรีมักจะเล่นผิดๆถูกๆ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็มีพระมหากรุณาธิคุณ ทรงแนะนำให้กำลังใจให้ทุกคนมีความสนุกครึกครื้นอยู่กับการเล่นดนตรีอยู่เสมอ

24
ค่ำแล้ว  
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช 
คำร้อง: ท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา ประพันธ์


วันคล้อยมา
ค่ำแล้วแก้วตาสุริยารอนรอน
นอนเสียนอน
จงอย่าอาวรณ์นอนเถิดนะดวงตา

ฟังเสียงเพลง
แว่วดังวังเวงเสียงครวญเครงนภา
จันทร์ฉายมา
พร่างพรายดาราดูงามฟ้าเพลินใจ
โชคนำหนุนบุญส่งมา
งามนักหนาพักตร์อำไพ
ประนมกรขอพรชัย
รัตนตรัยปวงเทวัญ
ดลบันดาล
แต่ความชื่นบานแสนสำราญนิรันดร์
อยู่ด้วยกัน
เป็นมิ่งเป็นขวัญอย่าห่างร้างแรมไกล
สุดรักเอย
ตื่นได้เชยชมดวงใจ

2401 
Lullaby
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง:
 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องภาษาอังกฤษร่วมกับท่านผู้หญิงนพคุณ ทองใหญ่ ณ อยุธยา

How time flies! Time to sleep,
My Darling close your eyes.
Lie down, lie.
Listen, Darling, to my lullaby.
Evening's nigh,
Soon the moon will sail across the sky.
Time goes by,
Tiny stars will glimmer up on high
Bless your heart end your play.
Bless your soul end your day.
Go to sleep. Care's away.
By your side I will stay.
Dear don't cry.
I'll be by you till the dawn is nigh.
Try, now try.
Go to sleep, Dear, with my lullaby,
Sleep, Love, sleep,
Soon glitt' ring stars will begin to shine.
Sleep, Love, sleep,
Close your eyes and slumber, Baby mine.
Rest, Love, rest,
While the silv'ry moon comes into view.
Rest, Love, rest,
While your guardian angel watches you.
Day is done; night is here
All your toys, slumber near.
Cuddle close, Baby blest;
Dreamboats sail in the west.
Dream, Love, dream,
Till the golden sunbeams bring the day.
Dream, Love, dream,
Soon the dawn will bid you rise and play.
Lullaby, Precious One,
Day is done! 


25 
สายลม
ท่ามกลางฟากฟ้ามัวหม่น
ลิ่วลมหลั่งฝนโปรยทั่ว
เยือกเย็นชีพเฉาเมามัว
จิตใจไหวหวาดกลัวหวั่นฟ้าคำรามลั่น
โรจน์เรืองแปลบแสงฟ้าผ่า
ล่องลอยลิ่วมาเสียงสนั่น
โอ้ลมหนอลมพัดคืนวัน
โบกโบยเพียงไหนกันพัดจนไม่รู้วันสงบเอย
ต้องลมเหล่าไม้เอนลิ่ว
ลู่ใบลุ่ยพลิ้วปลิวว่อน
จิตใจอ่อนท้ออาทร
ด้วยลมพัดโบกวอนล่องหนวนเวียนไป
อย่าเป็นอย่างสายลมเล่า
เปลี่ยนแปลงซึมเซาเหลิงรักใหม่
โอ้ลมหนอลมพัดเลยไป
โลกเคยรู้ฉันใดแล้วคงสุขสมใจยิ่งเอย 


2501
I Think of You 

Daytime I think of you
Nighttime I'm dreaming too.
There is no place you can go
Where I do not follow you and so

Forest, mountain, and sea
You'll be never far from me
I'll always find you,
I'll always be behind you.
You're ever with me my love. 


26
ไกลกังวล 

อยู่ไกลกังวลชนม์ชื่นฉ่ำ
หาดทรายแลน้ำนำไกลเศร้า
ไม่มีหาดไหนงามเทียมเท่า
คลื่นครวญคลอเคล้าวอนรักฝั่ง
ค่ำคืนไม่เหงาเราเริงสุข
ไม่มีความทุกข์ใดมาบัง
ได้ยินแต่เสียงดนตรียัง
สนุกกันทั้งยามค่ำคืน

รุ่งอรุณแล้วฟ้าเรืองเรื่อ
แต่ใจยังเหลือความเริงรื่น
สนุกจริงหนอคลอเสียงคลื่น
โต้ลมฉ่ำชื้นยามพลิ้วผ่าน
โน่นเดือนยังค้างฟ้าลอยเด่น
แต่เราไม่เว้นความสำราญ
แข่งกันคอยรับทิวาวาร
สนุกสนานกันเถิดเอย


2601 
เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค

เกิดเป็นไทยแล้วใจต้องสู้
ถิ่นไทยเรารู้เรารักยิ่ง
ศัตรูหน้าไหนไม่เกรงกริ่ง
หากมาช่วงชิงตายเสียเถิด
เผ่าไทยเดิมล้วนคนใจเด็ด
แกร่งดังเหล็กเพชรชูชาติเชิด
ต่างรักษาไว้แดนกำเนิด
เกิดเป็นไทยแล้วจำใส่ใจ
ปกครองรักษาทำหน้าที่
ห่วงเมืองไทยนี้ให้ยิ่งใหญ่
สิ้นเมืองไทยแล้วใครอยู่ได้
ชาติไทยคงไร้ความเสรี
เผ่าไทยเราพร้อมอาสาสมัคร
เด็ดเดี่ยวยิ่งนักยอมชีพพลี
เสี่ยงภัยทั้งผองปองความดี
ปกป้องปฐพีตายเพื่อไทย

2602
When
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช 
คำร้อง: Rual Maglapus
When twilight falls, stars appear;
When winter ends, spring is here;
When storm clouds pass, skies are clear,
When I'm alone you are near.

When breezes blow, birds fly high;
Where flowers bloom, bees are night;
Whenever rainbows fill the sky.
In my lone heart you pass by.
Oh won't you please tell me when.
We two would meet once again.
I miss your sweet lovely face,
The thrill of your warm embrace.

You left me feeling so blue,
Now that I've cried over you.
I've got the blues now and then,
So won't you please tell me when.

27
แสงเดือน
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

นวล
แสงนวลผ่องงามตา
แสงจันทรา
ส่องเรืองฟากฟ้าไกล

งาม
แสงงามผ่องอำไพ
ย้อมดวงใจ
ให้คงคลั่งไคล้เดือน
ชมแล้วชมเล่า
เฝ้าชะแง้แลดู
เพลินพิศเพลินอยู่
ไม้รู้ลืมเลือน
เดือน
แสดงเดือนผ่องวันเพ็ญ
แสงจันทร์เพ็ญ
เด่นงามใดจะเหมือน
โฉมงามเทียบ
เปรียบเดือนแสงงาม

2701
Magic Beams 
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
Bright shines the moon above
I'm in love, forlorn and lonely.
Soft sails the moon on high
But I sigh, I miss you only.
Come back to me beloved one
Come back to me the night is done.
Love, by these magic beams
My fond dreams have all come true.
You have come now I have you.


28
ฝัน
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช 
คำร้อง: นายศรีสวัสดิ์ พิจิตรวรการ

ฝันไป
แห่งไหนไกลสุดจุดหมายมอง
ในห้วงฝันเรืองรอง
ด้วยภาพผองลำยองพร่างพราย
ฝันพลาง
ใจคว้างกลางโลกแห่งนิยาย
เรานี้หนอเดียวดาย
สุดจะหมายตายเคียงคู่ใคร
ชีพใช่ความฝัน
แต่ฉันยังฝันไป
สุดแดนใดไหน
ซึ่งใครคนนั้นครอง
ฝันไป
จนไร้จนสิ้นจุดหมายมอง
คงจักสมใจปอง
ที่เรียกร้องรักคืนกลับมา (รักชื่นคืนมา)
คืนมาหารักรอท่า
ประสาแสนเศร้า 


2801
Somewhere Somehow
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช 
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ

Somewhere……
Within the lonely wide world.
There must be a place
That's cozy, my little world
Somewhere…..
Beneath the empty sad sea,
There must be a pearl,
A treasure that's meant for me.
There's a rainbow
Somewhere in the sky
And a skylark whistling up on high.
Somewhere…..
Along the way that I roam,
There must be a girl, and a home.
My happy world.
Somehow…..
Within the lonely wide world.
I'll find just the place
Thai's cozy, my little world.
Somehow…
Beneath the empty sad sea
I'll find just the peral,
The treasure that's meant for me.
I'll find rainbow
Somewhere in the sky.
And a skylark whistling up on high.
Somehow…..
Along the way that I roam,
I'll find just the girl, and the home.
My happy world.
I will find happiness in this wide world. 


2803
เพลินภูพิงค์
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค

สมใจก่อนนี้เคยอยากชมเขางาม
ตาบหุบผาพงไพรได้มาเห็นภูพิงค์แพรวพราย
สมยจริงดอกไม้สะพรั่งบานทั้งปี
ดูหลากสีเรียงรายโชยกลิ่นหอมอวลอบชื่นใจ
ดุจจะลอยฟ้าดั่งทิพย์วิมานทอง
แห่งอินทร์พรหมสองเสกสนององค์ท้าวไท
แสนเพลินสุขสมสดับแต่เสียงเพลง
วิหคร้องมาไกลช่วยกล่อมขวัญทุกวันเพลิดเพลิน
สมใจก่อนนี้เคยอยากชมเขางาม
ยามอ่อนแสงรำไพได้ไปถึงดอยปุยเดียวดาย
สูงจริงเสียดฟ้าตระหง่านปานท้าลม
ชมยอดผาเรียงรายคราหมดแสงดวงสุริยา
ดุจจะลอยฟ้าอยู่ชิดเดือนเคียงดาว
โอ้ลมพัดหนาวรวดร้าวรานอุรา
แสนเพลินนั่งล้อมไฟอุ่นฟังเสียงเพลง
ชาวเผ่าเขาครวญมาสนุกเหลือไม่เบื่อภูพิงค์
สุขจริงหนามาเชียงใหม่แดนสรวงแสนเพลิน 

29
มาร์ชราชนาวิกโยธิน
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้องโดย พลเรือโทจตุรงค์ พันธุ์คงชื่น และ พลเรือโทสุมิตร ชื่นมนุษย์

รุกรันฟันฝ่าในธาราสีคราม
สมเป็นดังนามราชนาวีไทย
รบรันฟัดฟาดไม่ขลาดหวั่นไหว
มีศึกมาใกล้ไม่หวั่นครั่นคร้ามริปู
เราราชนาวิกโยธินของไทย
เราร่วมกายใจกันไว้เชิดชู
เป็นแนวปราการรุกรานรบผลาญต่อต้านพร้อมพรู
เข้าฟาดฟันรบรันศัตรูขอสู้ขาดใจ
เมื่อเราเข้าประจัญ
จะผลาญให้สิ้นไป
ยอมพลีชีพเพื่อชาติไทย
รีบรุกบุกเข้าตี
ไม่หนีสู้เพื่อชัย
กายใจชีวิตมอบเป็นราชพลี
เราราชนาวิกโยธินของไทย
ชีวิตมลายคงไว้ศักดิ์ศรี
วิญญาณยืนยงคู่ธงนาวี
ดำรงเสรีศัตรูหลีกลี้หนีไป
แม้ชีวาเราจำต้องสิ้นสูญลง
แหลมทองยังคงเป็นขวัญคู่ไทย
นย.เกรียงไกรไว้ลายแม้ตายชื่อไม่สูญไป
ปกป้องไทยทั้งกายและใจขอไทยอยู่คง. 


30
ภิรมย์รัก
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พลเรือตรี ปรีชา ดิษยนันทน์

ไร้คนเคียงข้าง
โลกอ้างว้างหมางอารมณ์เศร้า
ทิวาราตรีตรมซบเซา
ส่งความอับเฉาสู่ดวงใจ
ไร้เธอหมายมั่น
สุดโศกศัลย์ทุกวันหมองไหม้
เสียงครวญมวลวิหคหายไป
ไม่มีแห่งไหนดอกไม้บาน
กามเทพส่งเธอมา
แอบอุรารำพัน 

เพ้อพร่ำเพลงรักฝากชีวัน
ฉันยังฝังใจภิรมย์
รักที่เธอให้
โลกสดใสดวงใจหายตรม
เหลียวดูทางใดชวนหวนชม
ด้วยรักสุขสมจนนิรันดร์
3001
A Love Story 
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้า จักรพันธ์เพ็ญศิริ

Once without love
I saw things not so clearly,
Night and day seemed so dreary
And all the world seemed so bare.
While without you
Ev'ryday seemed all a gloom
Not a single flow'r in bloom,
No happy tunes in the air.
Then you came along
With your love song
You taught me, dear
How to live, to feel, to see, to hear.
Now with your love
My whole world turns fine and fair.
Loveliness is ev'rywhere
Thai's just because I'm in love.


31
Nature Waltz
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

เพลงพระราชนิพนธ์ชุด Kinari Suite หรือ กินรี เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ชุดที่ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. ๒๕๐๒ เพื่อประกอบการแสดงระบำบัลเล่ต์ ชุด มโนห์รา ทรงแยกและเรียบเรียงเสียงประสานด้วยพระองค์เองทั้งชุด โปรดเกล้าฯ ให้วงดุริยางค์ราชนาวีบรรเลงประกอบการแสดงบัลเล่ต์ชุดมโนห์รา ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร

32
The Hunter 
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

เพลงพระราชนิพนธ์ชุด Kinari Suite หรือ กินรี เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ชุดที่ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. 2502 เพื่อประกอบการแสดงระบำบัลเล่ต์ ชุด มโนห์รา ทรงแยกและเรียบเรียงเสียงประสานด้วยพระองค์เองทั้งชุด โปรดเกล้าฯ ให้วงดุริยางค์ราชนาวีบรรเลงประกอบการแสดงบัลเล่ต์ชุดมโนห์รา ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร เพลงพระราชนิพนธ์ชุดนี้ประกอบด้วย
A Love Story เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 30
Nature Waltz เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 31
The Hunter เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 32
Kinari Waltz เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 33
ระหว่างวันที่ 6-8 ธันวาคม พ.ศ. 2550 คณะมาริอินสกี้บัลเล่ต์จากรัสเซีย ได้นำพระราชนิพนธ์ชุด Kinari Suite เป็นส่วนหนึ่งของการแสดง ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย 


34
แผ่นดินของเรา 
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค

ถึงอยู่แคว้นใด ไม่สุขสำราญ
เหมือนอยู่บ้านเรา ชื่นฉ่ำค่ำเช้าสุขทวี
ทรัพย์จากผืนดิน สินจากนที
มีสิทธิ์เสรี สันติครองเมือง
เรามีป่าไม้อยู่สมบูรณ์ ไร่นาสดใสใต้ฟ้าเรือง
โบราณสถานส่งนามประเทือง เกียรติเมืองไทยขจรไปทั่วแดนไกล
รักชาติของเรา ไว้เถิดผองไทย
ผืนแผ่นแหลมทอง รวมพี่รวมน้องด้วยกัน
รักเกียรติรักวงศ์ เสริมส่งสัมพันธ์
ทูนเทิดเมืองไทยนั้น ให้ยืนยง 


3401
Alexandra
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช 
คำร้อง: หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช

Alexandra
Welcome to thee
Here in this land of sunshine and of flowers
May ye be blessed by the blessing
That has made our country happy 


36
ยูงทอง
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช 
คำร้อง : นายจำนงราชกิจ
แหล่งศึกษาร่มเย็นเด่นริมสายชล
เราทุกคนรักดุจหัวใจ
ปลูกยูงทองไว้เคียงโดมมุ่งประโลมโน้มใจรัก
ธรรมจักรนบบูชาเทิดไว้
เหลืองแดงแสงธรรมศาสตร์วิไล
ปกแผ่ไปในทุกทาง
สัญลักษณ์ดีเด่นเห็นกระจ่าง
อย่าจืดจางรักร่วมทางกันไป
ทรงธรรมปานดังตราชูเด่น
ทรงเป็นดวงธรรมนำทางให้
พิทักษ์รักษาเชิดชูไว้
อบอุ่นใจไปทุกกาล
พระธรรมสถิตย์ร่วมจิตสมาน
ปฏิญาณรักสามัคคี
รักยูงทองงามเด่นเหนือนที
ส่งศักดิ์ศรีไว้ให้ยิ่งยืนนาน
37
ในดวงใจนิรันดร์
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช 
คำร้อง: ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร

อยากลืมลืมรักลืมมิลง
กลับพะวงหลงเพ้อเงา
เปรียบปานเพลิงรักรุมสุมเศร้า
เปลี่ยวเปล่าร้าวรอน
แต่เพียงกาลเวลาอันหมุนเวียน
ฤๅอาจผลัดเปลี่ยนเบียนรักคลอน
รสรักจากกร กอดสวมกร
ยังถาวรติดเตือน

เมื่อยามอาทิตย์ลอยคล้อยต่ำ
ย่ำยามท้องฟ้าเลือน
ยังหวังเชยชิดกันฉันเพื่อน
ติดเตือนตรึงใจ
สุดประพันธ์บรรเลงให้ครบครัน
วันอาจจะผ่านเวียนผันไป
รักนั้นจะเนาแน่นแฟ้นใน
ดวงใจนิรันดร์ 


3701
Still on My Mind 
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
I can't get you off my mind,
However I try.
The flame kindled in my heart
Keeps burning high.
Though time has the power to quell,
It really cannot dispel
The magic touch of your hand,
So gentle in mine.
When night's curtain starts to fall
And light fades away,
My thoughts fly back to that day,
You were so near.
This song will never, never end.
And time we cannot suspend.
You'll be ever and ever,
Still on my mind. 

38
เตือนใจ
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค และหม่อมหลวงประพันธ์ สนิทวงศ์

เสียงเพลงเพราะเพลินพาเคลิ้มไป
ให้อารมณ์หวั่นไหวแรงรักเธอ
คิดตรึงซึ้งไว้ใจละเมอ
รักเธอดั่งเพลงเดือน
เสียงเพลงนี้พาเราฝันไป
ก่อนเคยสุขสดใสในแสงเดือน
คิดซึ้งตรึงไว้ใจฝันเตือน
มิเลือนและลืมเธอ
ต่างเคยหยอกเย้าพะเน้าคลอ
ต่างคนต่างพ้อเพียงละเมอ
สบสุขความทุกข์คลายเพราะเธอ
ต่างปรนเปรอใจ
เสียงเพลงนี้พาเราภิรมย์
ต่างชมเชยชิดสองครองใจ
เสียงเพลงนี้ซึ้งตรึงฤทัย
นึกไปชื่นใจเอย 


38
Old-Fashioned Melody
Let me tell you how I miss
The thrill of your sweet little kiss;
Let me tell you with this Old
Fashioned melody.
Let me tell you how I sigh
Far all the joys of days gone by;
Let me tell you with this Old
Fashioned melody.
We used to go side by side
On our own way all along,
With nothing real to decide,
Nothing was wrong.
Now there's no word that can say,
I can't tell you in anyway.
Let me tell you with this Old
Fashioned melody. 


39
ไร้เดือน
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค และหม่อมหลวงประพันธ์ สนิทวงศ์


ไร้เดือน
เหมือนดังฟ้าที่ไร้แสงส่อง
รักน้องนั้นหวานชื่น
รื่นรมย์ชมพักตร์แทนเดือน

งามดวงหน้าติดตราตรึงใจไซร้
ยิ้มรื่นใครจะมาเหมือน
ไร้เดือนเลือนไม่แลเห็น
ก็เป็นสุขใจไม่วาย
ไร้ดาว
มืดในหาวไม่เห็นแหนงหน่าย
สายรักแสนสูงส่ง
มั่นคงในดวงวิญญาณ์
ถึงใครอื่นชื่นชมเดือน
ฝันใฝ่ดาวบนฟ้า
แต่เราชิดหน้า
รสความรักไม่ร้างรา 


3902
ไร้จันทร์ 
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช 
คำี้อง :นายอาจินต์ ปัญจพรรค์

ไร้จันทร์
ฉันไม่นึกห่วงแสงโสมผ่อง
รักยิ้มแสนหวานส่อง
เปรียบประกายทองของจันทร์
มิเคยมีสิ่งใดไกลเกินหวัง
แม้นมั่นใจในรักฉัน
มิหวั่นภัยใดขวางกั้น
ทางรักสุขสันต์สดใส
ไร้ดาว
ฉันไม่นึกห่วงดาวน้อยใหญ่
แววตาเธอแทนได้
ส่องทางไปดังดารา
ถึงใครอื่นมุ่งชมจันทร์
และหมายมั่นดาวเด่นฟ้า
แต่ตัวฉันสุข
ทุกเวลาคราชิดเธอ


3901
No Moon
No Moon
What do I care' bout moonlight,
I have your smile, love,
That's shining just as bright.
There's nothing I cannot do, dear,
If you love me true, dear,
I have nothing to fear,
My way is always clear.
No stars,
I have no use for starlight,
I've your twinkling eyes
To guide me quite all right.
Others may need the moon
And even the stars too.
But I'm happy,
Whenever I'm with you. 


40 
เกาะในฝัน
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค และหม่อมหลวงประพันธ์ สนิทวงศ์
ฉันสุดปลื้ม
ไม่ลืมเกาะงามที่เคยฝัน
หลงเพ้อคำมั่น
รำพันถึงความรักชื่นฉ่ำ

แสงจันทร์ผ่อง
ส่องเป็นประกายบนผืนน้ำ
เสียงสายลมพร่ำ
คร่ำครวญเหมือนมนตรา
หาดทรายขาว
หมู่ดาวพร่างพราวนภา
รูปเงาเพราพริ้งตา
ใยด่วนลาเลือนมลาย
ฝันสุดสิ้น
ไม่ยลไม่ยินน่าใจหาย
ฝันถึงไม่หน่าย
ไม่คลายร้างราเธอ


4001
Dream Island 
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช 
คำร้อง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
In a dream, I'm on a desert island,
Waiting for you, hoping you've not forgotten.

How happy, I would be to see you near.
And how sorry, if you don't appear.
Like old time, we'd listen to the sea
Which is like music leading to ecstasy.
Though knowing, it is no use to be blue,
I keep dreaming, it may well come true.


41
แว่ว
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช 
คำร้อง: ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร

เพลงแว่วแผ่วกังวาน
หวานใดปานเพลงรักระรื่น
กลับคะนึงถึงวันคืน
เคยชิดชื่นอุรา

แสงนวลประกายฉาย
ผ่านฟ้าครามแลอร่ามตา
เปรียบดวงพักตร์ผ่องเพี้ยงจันทรา
นวลแสงแววตาประกาย
หวังประสบ
ฉันยังอยากพบเธอไม่วาย
รักมิหน่าย
รักเราสุดหมายแลสุดหวัง
ร้าวรอนเพลงสะท้อน
แต่สำเนียงเพียงแผ่วแผ่วดัง
โลกเรานี้ที่แท้ไม่มียืนยัง
แต่ความรักเราจีรังคงคู่ฟ้ายั่งยืน


4101
Echo 
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช 
คำร้อง: 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
Echo - of a sweet melody of tender love
keeps bringing memory from heaven above.

Soft lights - Gliding through empty space ‘yond cloudy skies,
remind me of your dear face and lovelight in your eyes.

How - I long to be with you Once again.
Hope - and pray, oh yes I do, all in vain.

Our Song - of it is nothing left but the echo.
Though time is unforgiving I know Our love will Linger on For eternity.


42
เกษตรศาสตร์

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช 
คำร้อง: ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร

เขียวธงขจี
ก่อเกิดไมตรี สามัคคีมั่น
สถานเรียนเกษตรนั้น
เราผูกพันบูชา

เขียวนาป่าไพร
แผ่นดินถิ่นไทย ไพบูลย์หนักหนา
เพราะไทยผลิตค้า
ทุกแหล่งฟ้า หล้าอิ่มเอม
(ญ) แม้เหนื่อยกาย ใจสำราญ
เสร็จกิจการงาน เกษตรเกษม
(ช) ล้วนปรีเปรม นำวิชา
สร้างชาติ สร้างตน รวมแรงรวมใจ
จะจงรัก จอมจักริน
อีกแดนแผ่นดิน ทำกินเก็บผล
พระคุณเกษตรล้น
รักเปี่ยมท้น ดวงจิตเอย 


43
ความฝันอันสูงสุด
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช 
คำร้อง: ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค

ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ
ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว
ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ
ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง

จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร
ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป
นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง
หมายผดุงยุติธรรมอันสดใส
ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด
ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน
โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่
เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ
ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย


4301
The Impossible Dream
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช 
คำร้อง: ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค

To dream ... the impossible dream ...
To fight ... the unbeatable foe ...
To bear ... with unbearable sorrow ...
To run ... where the brave dare not go ...

To right ... the unrightable wrong ...
To love ... pure and chaste from afar ...
To try ... when your arms are too weary ...
To reach ... the unreachable star ...
This is my quest, to follow that star ...
No matter how hopeless, no matter how far ...
To fight for the right, without question or pause ...
To be willing to march into Hell, for a Heavenly cause ...
And I know if I'll only be true,
to this glorious quest,
That my heart will lie peaceful and calm,
when I'm laid to my rest ...
And the world will be better for this:
That one man, scorned and covered with scars,
Still strove, with his last ounce of courage,
To reach ... the unreachable star ..

44
เราสู้ 
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: นายสมภพ จันทรประภา

บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ
ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า
เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา
หน้าที่เรารักษาสืบไป

ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า
จะได้มีพสุธาอาศัย
อนาคตจะต้องมีประเทศไทย
มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
ถึงขู่ฆ่าล้างโคตรก็ไม่หวั่น
จะสู้กันไม่หลบหนีหาย

สู้ตรงนี้สู้ที่นี่สู้จนตาย
ถึงเป็นคนสุดท้ายก็ลองดู

บ้านเมืองเราเราต้องรักษา
อยากทำลายเชิญมาเราสู้
เกียรติศักดิ์ของเราเราเชิดชู
เราสู้ไม่ถอยจนก้าวเดียว


45
เรา-เหล่าราบ 21
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
เนื้อร้อง : ร้อยตำรวจโทวัลลภ จันทร์แสงศรี
เราทะนงองอาจฉกาจแกร่ง
ทุกหนแห่งสู้ศึกฮึกเหี้ยมหาญ
หลั่งเลือดโลมพสุธาปฏิญาณ
แม้นภัยพาลรุกถิ่นแผ่นดินไทย

เราจะสู้สุดชีวิตมิคิดพรั่น
เป็นกำแพงป้องกันไม่หวั่นไหว
ถึงม้วยมุดสู้สุดลมหายใจ
ขอเทิดเกียรติชาติไทยอยู่ทุกยาม
เราเชื้อชาติชายชาญทหารกล้า
ทหารเสือราชินีศรีสยาม
เกียรติระบือลือเลื่องกระเดื่องนาม

ทั่วเขตคามรู้เหล่าเรา ส.ก.
อันที่สุดของไทยนั้นคือชาติ
หากพินาศแล้วใครอยู่ได้หนอ
เราเหล่าราบยี่สิบเอ็ดไม่รั้งรอ
เราจะขอไว้ลายให้ลือนาม
เราเชื้อชาติชายชาญทหารกล้า
ทหารเสือราชินีศรีสยาม
เกียรติระบือลือเลื่องกระเดื่องนาม
ทั่วเขตคามรู้เหล่าเรา ส.ก. 


47
รัก
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช 
คำร้อง: สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

รักทะเล อันกว้าง ใหญ่ไพศาล
รักท้องฟ้า โอฬาร สีสดใส
รักท้องทุ่ง ท้องนา ดังดวงใจ
รักป่าเขา ลำเนาไพร แสนสุนทร

รักพฤกษา รุกขชาติ ที่ดาษป่า
รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร
รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร
รักทั้งรัต- ติกร ในนภดล

รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง
รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล
รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล
รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ 


48
เมนูไข่
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช 
คำร้อง: สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี


เมนูไข่เมนูไข่ อร่อยแท้อยากกิน
เมนูไข่เมนูไข่ อร่อยแท้อยากกิน
ไข่เค็มไข่ลวกทั้ง ไข่หวาน
กับไข่ต้มสุกนาน เยี่ยวม้า
เมนูไข่เมนูไข่ อร่อยแท้อยากกิน
ไข่ตุ๋นรสเยี่ยมปาน รสทิพย์
ไข่ไก่โอ้เอี่ยมอ้า อร่อยแท้อยากกิน
เมนูไข่เมนูไข่ อร่อยแท้อยากกิน
เมนูไข่เมนูไข่ อร่อยแท้อยากกิน
เมนูไข่เมนูไข่ อร่อยแท้อยากกิน
เมนูไข่เมนูไข่ อร่อยแท้อยากกิน
เมนูไข่เมนูไข่ อร่อยแท้อยากกิน



อ้างอิงhttp://www.photoontour.com/SpecialPhotos_HTML/60thcelebration/king_data5.htm#1